“ป้าแจ๋ว” ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ ผู้จัด-ผู้กำกับ แห่งค่ายถนัดละคร โพสต์ความในใจหลังมีประกาศล็อกดาวน์กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในช่วงเวลาตี 1 ของวันที่ 27 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ที่มีคำสั่งห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มที่มีคนรวมกันเกินกว่า 20 คน ฯลฯ รวมทั้ง ปิดแคมป์ก่อสร้าง , ห้ามทานอาหารในร้าน , ห้างสรรพสินค้าปิดเวลา 3 ทุ่ม ฯลฯ ซึ่งมีผลในวันนี้ 28 มิถุนายน เป็นต้นไป
ที่ส่งผลให้กองถ่ายละครต้องหยุดแพลนที่วางไว้อย่างกะทันหัน หลังเพิ่งจะได้เฮได้ไม่นาน โดย “ป้าแจ๋ว” ได้เผยว่าหลังจากที่ประกาศผ่อนคลายในช่วงสัปดาห์ก่อน ตนก็ได้เริ่มวางแผนการทำงานในกองละคร “คุณหมีปาฏิหาริย์” ที่ได้เร่งให้เขียนบทให้จบ จัดการเรื่องฉาก โลเคชั่นต่างๆ ติดต่อแล็ปตรวจโควิดทีมงาน-นักแสดง ฯลฯ และเรียกทีมงานประชุม เพื่อเริ่มการถ่ายทำละคร แต่ทุกอย่างก็ต้องจบลงเพราะในเช้าวันต่อมามีข่าวประกาศล็อกดาวน์กรุงเทพฯ ทั้งนี้ “ป้าแจ๋ว” ยังเผยอีกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่อยากโทษใคร ทั้งๆที่นึกอยากจะโกรธเหมือนกัน แต่โกรธไปเดี๋ยวความดันก็จะขึ้น!! แต่ถ้าจะโทษก็ต้องโทษโควิดที่มาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างบนโลกใบนี้….โดยข้อความทั้งหมดที่ “ป้าแจ๋ว” โพสต์มีใจความว่า
“สัปดาห์ที่แล้วมีประกาศผ่อนคลายให้กองถ่ายทำงานได้ ชนิดทำงานไม่เกิน ๕๐ คน ฉันก็เริ่มวางแผนการถ่ายละคร #คุณหมีปาฏิหาริย์ ต่อ หลังจากที่หยุดกองไปสองเดือน เร่งบทให้เขียนให้จบ เพราะถ้าบทไม่มาจนจบ เราจะวางแผนใดๆไม่ได้เลย เพราะถ้าไม่มีบททุกคนก็จะทำงานไม่ได้ เป้าหมายของงานก็จะไม่บรรลุ
จนในที่สุดบทก็ถูกส่งมาจนถึงตอนจบ เราเริ่มแยกฉาก จัดเตรียมตารางการถ่ายทำเพื่อปิดโลเคชั่นบางแห่ง เมื่อสองสามวันก่อนก็ประชุมออกคิวถ่ายวัน จันทร์ ถึง พุธ ที่จะมาถึงนี้ วางแผนรัดกุมในการทำงานให้ปลอดภัยเพื่อไม่ให้ชุมชนรอบข้างที่เราไปถ่ายมาร้องเรียนเราได้ ระหว่างประชุม ฉันยังพูดเล่นๆอยู่เลยว่า ไม่ใช่พอประชุมเสร็จ เตรียมงานแล้ว มีประกาศล็อกดาวน์ กทม ออกมาอีกนะ หงายหลังเลย
เมื่อวานดูข่าวตลอด สังหรณ์ใจว่าน่าจะมีเหตุการณ์พลิก แล้ว เช้านี้ก็มีประกาศราชกิจจาฯ ออกมา รีบอ่าน อ่านจบตั้งสติ แล้วโทรคุยกับผู้ช่วย สั่งยกเลิกคิวกล้อง ไฟ อาหาร เพราะถ้าสั่งยกเลิกช้า จะต้องมีค่าใช้จ่ายครึ่งคิว เป็นเงินหลายหมื่นบาท รวมทั้งขอยกเลิกแล็ปที่จะมาตรวจโควิดแบบแหย่จมูกทั้งกอง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเกือบห้าหมื่นบาทเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษ ยกเลิกนักนักแสดง ซึ่งขอคิวมาได้ยากมาก เข้าใจเลยว่าทุกคนก็กังวลที่จะมาทำงานในกองที่มีคนทำงานหลายคน
ทุกอย่างเป็นไปตามสังหรณ์ที่มี ไม่อยากโกรธ ไม่อยากโวยวาย ไม่อยากโทษใคร ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเจ้าไวรัสโควิดตัวร้าย ที่มาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างบนโลกใบนี้ ไม่ใช่แค่เราที่ต้องทนทุกข์อยู่คนเดียว แต่ทุกคนในประเทศนี้ ในโลกนี้ ต้องทุกข์ร่วมกัน ผู้บริหารราชการในประเทศของเรา ที่ดีก็มีอยู่ ที่แย่ทำงานไม่เป็นก็เยอะ ที่ดีแต่พูดไม่เข้าท่าก็มาก จะล้ม หรือไล่ไป ก็ใช่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ คนที่มาใหม่อาจจะดีหรือแย่กว่าเก่าก็เดาไม่ถูก
นึกอยากจะโกรธเหมือนกัน แต่โกรธไปความดันก็จะขึ้น 555 มีแต่โมหะเต็มหัว เต็มใจ คิดอะไรไม่ออก พอคิดได้อย่างนั้นก็ค่อยๆคลายความเครียดลงไปหน่อย ( ถึงแม้จะยังคงมีซ่อนไว้ลึกๆในสมองบ้าง ) พยายามคิดให้ได้ว่า มาตรการต่างๆที่ดูทำร้ายการใช้ชีวิต ทำร้ายจิตใจ ทำร้ายอาชีพของทุกคน อาจจะทำให้การระบาดอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ ลดลง หรือยับยั้งได้บ้าง สำเร็จหรือไม่ก็ไม่รู้ได้ ยังดีกว่าไม่ได้ลองเสียเลย รู้ว่าอึดอัด ทุกข์ใจ แต่ไม่ใช่ประเทศเราประเทศเดียวที่ต้องเผชิญชะตากรรมเช่นนี้ อ่านข่าวไปเรื่อยก็จะพบว่า มีอีกหลายประเทศที่แย่กว่าเรา หรืออาจจะดูดีกว่า แต่ก็มีเหตุให้ต้องมาล็อคดาวน์ก็หลายประเทศ ทำใจและใช้ความคิดหาทางที่จะดำเนินการทำงาน ดำเนินชีวิตต่อไปดีกว่า”
ขอบคุณภาพจาก IG : paajaew