หวานมาก! จับเข่าคุย “โตโน่-ณิชา” พระ-นางคู่จิ้นคู่จริงจาก “ดวงใจในมนตรา”

โคจรมาพบกันอีกครั้งสำหรับพระ-นางคู่จิ้นคู่จริงขวัญใจแฟนๆ “โตโน่ ภาคิน” และ “ณิชา ณัฏฐณิชา” ที่ล่าสุดทั้งคู่กลับมารับบทสุดหินในละครเรื่อง “ดวงใจในมนตรา” กับการรับบทเป็น  “พราวพลอย” และ “พชร” ที่มาพร้อมกับเรื่องราวของปมความรักความแค้นและคำสาปที่ทำให้ ทำให้พชรไม่มีวันตาย และต้องอยู่อย่างเดียวดายมากว่า 2,000 ปีโดยไร้หัวใจ

ซีนต้องห้ามพลาดของละคร “ดวงใจในมนตรา”

ณิชา : จริงๆ ด้วยตัวเรื่องและบทของละครเรื่องนี้ หนูว่าพลาดไม่ได้สักตอนอยู่แล้ว เพราะด้วยความที่มันตัดสลับทั้งปัจจุบัน แล้วก็เล่าเรื่องในอดีตด้วยที่มันจะมาประกอบกันเป็นจิ๊กซอที่มาประกอบกันไปเรื่อยๆ แล้วมันจะเห็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ ค่ะว่าเรื่องราวจริงๆ แล้วทำไมตัวละครนี้เป็นแบบนี้ เขาเจออะไรมาในอดีต เกิดขึ้นยังไงแตกหักยังไงบ้างก็รู้สึกว่า จริงๆ ต้องดูทุกซีนแต่ถ้าถามว่ายากไหมก็ต้องตอบว่ารู้สึกว่ายากทุกซีน เรื่องนี้ต้องใช้ความเชื่อค่อนข้าวสูงมาก ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในปัจจุบัน แต่เราก็ต้องทำการบ้านกับอดีตค่อนข้างเยอะ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนในยุคปัจจุบันแต่มันจะเหมือนคนที่เจอใครแล้วถูกชะตา แล้วทำไมถึงรู้สึกไว้ใจ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรเราก็จะรู้สึกถูกชะตาเพราะในอดีตมันถูกพันกันมา ก็เลยรู้สึกว่ายากเพราะว่ามันต้องมีสิ่งพวกนี้อยู่ด้วยกับทุกๆ สิ่งที่เราเจอกับใครไม่ว่าจะเป็น “พชร” เองหรือตัวละครอื่นๆ ที่มาจากอดีตก็มีผล

โตโน่ : ผมคิดว่าหลายๆ คนน่าจะได้เจอเหตุการณ์เดียวกับณิชาก็คือเดจาวู แต่ของเขามันดันเป็นภาพที่ชัดแล้วมันอยู่คนละยุคคนละสมัยกันเลยกับภาพที่เขาเห็น

ณิชา : หรือกว่าเราเจอคนๆ หนึ่ง คุยแล้วทำไมถูกคอจังเลยทั้งๆ  ที่อยู่ด้วยกันมานาน ทำไมเราถึงไว้ใจคนๆ นี้ ทำเราถึงไม่ได้กลัวเขาขนาดนั้นว่าเขาจะทำร้ายเรา มันเป็นเรื่องของวายสัมพันธ์ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันทำให้มันมาคล้องกันได้

โตโน่ : แตกต่างจากละครทั่วไปนะครับ ผมว่ามันค่อนข้างกลมมากเลยตัวละครแต่ละตัวนะ เขามีเหตุผลของเขา ตัวละครทุกตัวมีตัวตนครับ มีความรู้สึก มีชีวิตจิตใจจริงๆ มันเลยทำให้เวลาที่เราไปเห็นอีกมุมหนึ่งของเขาแล้วเราก็จะเข้าใจ แล้วมันก็จะเกิดการเปรียบเทียบครับว่าถ้าเป็นเราเราจะทำแบบนี้ไหม มันกลายเป็นไม่มีคนชั่วหรือคนดี มันกลายเป็นทุกคนมีเหตุผลของเขา

พี่โตโน่ต้องเรียนดำน้ำเพื่อเล่นเรื่องนี้

โตโน่ : ด้วยความที่เขาไม่มีวันตายครับ แล้ว 80 % ของละครเรื่องนี้เราถ่ายที่ทะเลประมาณ 5 ที่ครับ พอเราต้องไปถ่ายอย่างนั้น มันมีหลายซีนที่ตัวของพชรเขาจะดำลงไปในน้ำเพื่อดูตารวะปุรัมที่ล่มสลายเมืองของเขา เพื่อย้อนความทรงจำหรือเพื่อนึกถึง “มทิรา” ดังนั้นวลาที่เขาดำลงไปเขาไม่ได้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ ดำน้ำลงไปตัวเปล่า ทั้งในหนังสือแล้วก็ในเรื่องครับ เราก็เบยต้องทำการบ้านว่า มันมีวิธีการว่ายน้ำแบบไหนบ้าง ที่มันจะไปอยู่ในน้ำได้นานๆ ก็คือ Free Dive แล้วพอผู้กำกับเขาอยากได้ซีนที่มันถ่ายเทคยาวลองช็อต นั่นก็หมายความว่าเราต้องใช้ลมหายใจลมเดียวในการถ่ายทำ เราฝึกจนหายใจในน้ำได้ 4 นาที แล้วพอถ่ายจริงมันก็ช่วยได้เยอะ เวลาที่เราต้องว่ายพาพราวพลอยที่เป็นโรคหัวใจดูเมือง ดูตารวะปุรัม มันเป็นหนึ่งในความฝันของเขาที่เขาอยากจะทำให้สำเร็จก่อนที่เขาจะตาย เขาอยากดูโลกใต้ทะเล เขาก็จะใส่เครื่องสกูบาเครื่องช่วยหายใจออกซิเจน แต่เราก็จะว่ายตัวเปล่าไปพร้อมกัน ดังนั้นเพื่อที่จะได้ภาพที่สวยเราก็ต้องทำให้มันได้ ถ่ายใต้น้ำจริงหมด ความลึก 7 เมตร มันก็จะมีความกดที่หูต้องเคลียร์น้ำ

ณิชา: ของพี่โน่ยากกว่าทีมงานคนอื่นตรงที่เป็น Free Dive จะมีการเจ็บหรือปวดหูบ้าง อย่างของณิชาหรือว่าทีมงานคนอื่นๆ ก็จะเป็นสกูบารออยู่ใต้น้ำอยูแล้ว แต่พี่โน่เขาต้องหมุดตัวลงไป 7 เมตรไปหาพวกเราและทีมงาน

เป็นละครที่มีเสน่ห์ของความเป็นแฟนตาซี

โตโน่ : ถ้าเป็นเกี่ยวกับแฟนตาซีมันก็มีสอดแทรกด้วยตลอดครับ มันมีมนต์ของมันอยู่ บางครั้งทำไมนางเอกถึงเดินมาในจุดที่มาในตรงนี้ บางทีในบทก็ไม่ได้เขียน แต่มันคือการตกลงกันระหว่างผมกับผู้กำกับว่านี่คือสิ่งที่มันเกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ บางทีลมที่มา ฟ้าผ่า ฝนตก แผ่นดินที่ไหว มันมีความเกี่ยวข้องกันระหว่างพชรกับมทิรา

ความยากของการร้องเพลง “ถ้าไร้เธอ” เพลงประกอบละคร “ดวงใจในมนตรา” 

โตโน่: จริงๆ เป็นเพลงที่ผมไม่อยากร้องเลยครับ ตอนแรกที่พี่หน่องติดต่อผมมาอยากให้ผมร้องเพลงประกอบละครเพลงนี้ แต่ที่ผมไม่อยากทำเพราะว่ามันไม่ใช่แนวเพลงที่ผมถนัดเลย ผมกับวงจะเล่นเพลงร็อค หรือเพลงป็อบร็อค แต่เพลงนี้ภาษาของมัน ราตรีที่ฟ้ามืดมน มันไม่ใช่ภาษาปกติครับ มีคำโบราณด้วย ก็เลยกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีแต่พอรู้ว่าต้องร้องก็เลยต้องทำการบ้าน ผมโชคดีด้วยที่เราได้ถ่ายละครกันจริงๆ ก่อน ก่อนที่จะไปร้องครับคือซีนควักหัวใจ ซีนที่เขาผ่าหัวใจของเราออกมาแล้วสาปให้เราไม่มีวันตาย พอเราถ่ายซีนนั้นพอวันต่อมาเราไปเข้าห้องอัด มันก็เลยทำให้ราอิน เพราะภาพมันชัด เรารู้แล้วว่าผมเจ็บปวดยังไง การรอคอยอย่างว่างเปล่าแบบไม่มีความหมาย คุณดูพระอาทิตย์ตก พระอาทิตย์อยู่เป็นแสนวันอยู่คนเดียวแล้วคุณเห็นความเป็นไปของโลกใบนี้ที่คุณเห็นคนเกิดขึ้นแล้วเขาตายไป คุณไม่สามารถที่จะผูกพันกับใครได้เพราะว่าเวลาที่คุณมีความสัมพันธ์หรือผูกพันกับใครแล้วคุณรู้ว่าคุณจะต้องจากกับเขา คุณจะต้องเห็นเขาแก่ลง คุณจะต้องเห็นวันที่เขาแก่ลงแล้วตาย แล้วพชรโดนสาปให้เห็นอย่างนั้นมาตลอดสองพันปี มันทรมาน บางคนอยากมีชีวิตอยู่ให้มากที่สุด แต่สำหรับคนๆ นี้อยากตาย เราก็ต้องไปเป็นเขาก็ต้องทำการบ้าน

มีแฟนๆ มาคอมเมนต์ใต้คลิปว่าร้องดีมาก

โตโน่: ทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องยกความดีความชอบให้กับทีมงานทุกคนด้วย เราอินพอมาถ่ายแล้วเรารู้ว่าแบบทีมงานเขาตั้งใจมากๆ จริงๆ นะครับกับละครเรื่องนี้ อยากได้แสงแบบนี้ ต้องเป็นช่วงเวลานี้ มันต้องเป็นที่หน้าผาตรงที่ ที่เกาะตรงนี้ ดังนั้นพอเราต้องรับผิดชอบในบทของพชรด้วย แต่ในบทเพลงมันก็สำคัญ มันไม่ใช่แค่เพลงของพชร แต่เพลงนี้มันหมายถึงเพลงของมทิราด้วย มันหมายถึงเพลงของพราวพลอยด้วย ดังนั้นมันแทนความรู้สึกของคนที่รอคอยความรักหรือรอคอยใครสักคนหนึ่งที่จะมาทำให้ฉันหลุดจากโลกใบนี้ที่มันช่างเหงาและน่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน

ถ้าเกิด “พราวพลอย” กับ “พชร” ได้สลับร่างกันสิ่งแรกที่จะทำคือ?

ณิชา: อันดับแรกคือดำน้ำค่ะ ไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไป ดูพระอาทิตย์ตกพระอาทิตย์ขึ้น แล้วจะลองไปปีนผา จะทำทุกอย่างที่อยู่ในลิสต์ก่อนที่ตัวเองไม่เคยได้ทำ อยากไปเที่ยวแบบโลกกว้าง และก็ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เพราะพราวพลอยใช้ชีวิตแบบไม่ค่อยแบบ แอดเวนเจอร์อะไรเลยแต่เป็นคนอยากที่จะทำ
โตโน่: ของผมคงจะส่องกระจกมั้งครับ (หัวเราะ) แล้วก็สำรวจว่าร่างการของอีกฝ่ายเป็นยังไงบ้าง สำรวจว่าฉันเป็นอะไรเนี่ย และคงหาทางที่จะต้องกลับคืนร่างเดิมให้เร็วที่สุด (ณิชา: ต่างกันเลย นี่ขอใช้พชรให้คุ้ม) เพราะว่าหัวใจเขาก็อ่อนแอ หรือเขาอาจจะดีใจก็ได้ครับเพราะว่าพชรเขาอยากตาย เขาเบื่อโลกนี้แล้ว เขาอาจจะทำอะไรก็ได้ให้หัวใจมันเต้นแรงกว่าคนอื่นแล้วก็ช็อกชักตายไป (หัวเราะ) หรือไม่ก็กระโดดน้ำไป เพราะในเรื่องเขาพยายามตายมาหลายทีแล้วครับ ทั้งเองมีดแทงหน้าอก กระโดดให้รถไฟทับ กระโดดจากตึกหรือระเบิดลองมาแล้วแต่มันไม่ตายครับ

ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วปรากฏว่าตัวเองกลับไปอยู่ในยุคพันปีที่แล้วอยากที่จะทำอะไร?

ณิชา: ดีเลยค่ะ หนูจะสถาปนาตัวเองให้เป็นเจ้า (หัวเราะ) จะสถาปนาตัวเองให้เป็นผู้นำของโลก แล้วก็จะบอกทุกคนว่าอย่าทำร้ายโลกเราไปกว่ากว่านี้เพราะโลกเราจะพัง แล้วก็จะสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นผู้รู้ค่ะ ว่าเรารู้นะ ว่าถ้าเราทำไปแบบนี้เดี๋ยวจะเกิดเหตุการณ์นี้ตามมา จะมีสึนามินะ ทำลายธรรมชาติแล้วธรรมชาติก็จะไม่พอใจ ต้องสต๊าฟไว้แค่นั้นและสร้างสมดุลย์ให้กับโลกมาตั้งแต่ตอนนั้นเลยค่ะ

โตโน่: ผมคงจะรีบไปดูพวกทะเล น้ำตก ภูเขาของสมัยก่อนมันคงจะตื่นตาตื่นใจมากเลยต้นไม้ใหญ่ๆ สัตว์นานาชนิด แล้วมันก็คงเต็มไปด้วยอันตรายเพราะว่าเป็นยุคเมื่อพันปีก่อนใช่ไหมครับ อย่างน้อย ๆ เสือ เก้ง กวาง หมูป่า ช้าง แรด มันคงมีเยอะในสมัยก่อน แล้วก็คงจะคล้ายณิชาที่อาจจะเป็นครูสอนเด็กๆ ว่าธรรมชาติสำคัญกับเรายังไง แล้วก็อาจจะแกล้งเล่าเป็นเหมือนนิทานว่าครูนะเคยมีโอกาสไปโลกอนาคตมาแล้ว แล้วครูไปเห็นมนุษย์สมัยนั้นเขาทำอะไรบ้าง ผมคิดว่าเด็ก ๆ มันน่าจะเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างแต่ว่ามันน่าจะสนุกครับ

ขอกระซิบถาม…มนต์รักเต่าทะเลคืออะไรคะ?

โตโน่ : เป็นชื่อที่แฟนๆ ตั้งให้ครับ

ณิชา : มันเริ่มมาจากอะไรคะ?

โตโน่ : ผมโดนสื่อถามว่าผมรักใคร แล้วพวกน้อง กัน กับ ริท เดอะสตาร์ พี่เกลือ (กิตติ เชี่ยววงศ์กุล) รวมถึงแฟนๆ ด้วยเขาก็อยากให้เป็นณิชา เราก็ถ้าตอบเป็นณิชาไปเดี๋ยวณิชาได้ตอบอีกยาวแน่ครับ (หัวเราะ) ก็เลยตอบผมรักเต่าทะเลครับ เขาก็เลยแซวว่าณิชาคือเต่าทะเลของผม

หลายคนมองว่า “โตโน่-ณิชา” เป็นคู่จิ้นที่เหมือนคู่จริง

โตโน่ : “สำหรับผมผมขอบคุณพวกเขานะ ผมดีใจนะครับที่พวกเขารักในผลงานของเรา ดูละครณิชาดูละครผม แล้วเรามาเล่นด้วยกันก็มารักละครของเรา แล้วก็รักเราจนไปถึงรักตัวจริงๆ ของเรา สำหรับตัวผมชีวิตจริงก็ส่วนชีวิตจริง ละครก็ส่วนละคร ไม่เกี่ยวกัน”

ณิชา : “เหมือนกันค่ะก็ขอบคุณที่ซับพอร์ททุกอย่าง และอย่างที่พี่โน่บอกทำงานก็คือทำงาน เราเป็นนักแสดงเราไม่ได้มาโฟกัสกับคำว่าคู่จิ้นค่ะสำหรับณิชา ชีวิตจริงเรารู้จักกันเป็นยังไงก็คือเป็นแบบนั้น แต่พอการทำงานเราเป็นนักแสดง มีหน้าที่เป็นตัวละคร เราก็ต้องแสดงแบบนั้นออกไป”

คนที่จะมาเป็นคู่จริงของ “โตโน่-ณิชา” ต้องเป็นคนแบบไหน

โตโน่ : “ไม่ต้องเป็นคนแบบไหน เป็นเขานี่แหละครับ เป็นตัวเองแล้วมันก็จะรู้เองว่ามันไปด้วยกันได้ไม่ได้ ขอแค่เป็นตัวเองแล้วก็ อยู่กับปัจจุบัน อย่างตอนนี้ผมยังไม่ได้แต่งงานใช่ไหมล่ะ ก็เลยไม่ได้คิดเลยว่าเขาจะต้องเป็นคนยังไง ก็อยู่ที่ว่าปัจจุบันนี้ผมมีความสุขไหมผมทำอะไรอยู่ ผมอยู่กับปัจจุบันครับก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงครับ”

ณิชา : “ตอบยากค่ะว่าจะต้องเป็นคนแบบไหน (โตโน่ : เป็นคนเท่ๆ หน่อยไหม?) แต่ก็เหมือนกับพี่โน่ค่ะ เหมือนจริงๆ นะไม่ได้ก็อปปี้ คือชอบคนที่เป็นตัวเอง ไม่ต้องพยายาม แต่ถ้ามันจะเข้ากันได้ เหมือนเราคุยกันรู้เรื่องมันก็จะเป็นไปของมันเองโดยที่ไม่ต้องพยายาม มีเรื่องที่ต้องปรับต้องจูนคุยกันมันก็จะอยู่บนความเป็นตัวเองของเราว่าเราจะแก้ปัญหากันยังไงบ้าง มันต้องไม่ฝืนความเป็นตัวของตัวเอง”

ฝากผลงาน

โตโน่ : ฝากด้วยครับละครเรื่อง “ดวงใจในมนตรา” ก็ตั้งใจมากนะครับ ทีมงานทุกคน นักแสดง ผู้จัด ผมไม่เคยเห็นพี่หน่อง (อรุโณชา ภาณุพันธุ์) ลงรูปในอินสตาแกรมมากเท่านี้มาก่อนนะครับ ผมอยากให้ทุกคนมีความสุขครับ อยากให้คนที่ทำงานรวมถึงคนที่เสพงานของเรามีความสุขกันหมด ขอให้ละครเรื่อง ดวงใจในมนตรา เป็นผลงานที่ทำให้พวกเราเอาไว้ดูในช่วงเวลาแบบนี้แล้วกันครับ อยากให้ทุกคนมีความสุขกับงานๆ นี้ อยากให้ทุกคนรักงานนี้เหมือนอย่างที่ผมรักครับ”

ณิชา : ก็ฝากละครเรื่อง “ดวงใจในมนตรา” ด้วยค่ะ อยากให้เป็นอรรถรสในชีวิตของทุกคนในช่วงนี้ อยากให้รอดูกันแล้วก็สนุกแล้วก็ลุ้นไปกับช่วงเวลาสั้นๆ ที่ละครกำลังออนแอร์ให้ได้ช่วยผ่อนคลายอะไรเขาได้บ้าง เอามาถก เอามาเถียง เอามาโพสต์สนุกๆ ในโซเชียลเล่นกัน ก็อยากให้ทุกคนมีความสุขกับผลงานเรื่องนี้ค่ะ แล้วก็ฝากติดตามแล้วก็เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ”

สั่งซื้อ Kazz Magazine ได้ที่