OFF JUMPOL : จากเด็กขี้แกล้งในรั้วมหา’ลัย สู่ก้าวแรกในวงการบันเทิงที่ไม่เคยคาดคิด

EXCLUSIVE TALK WITH OFF

 

Special Guest : OFF JUMPOL : GMMTV

Exclusive Place : Kazz Magazine Office

 

เล่าคร่าวๆให้ฟังหน่อยกว่าจะมาเป็นออฟในวันนี้เส้นทางในวงการเป็นยังไงบ้าง?
ออฟเริ่มเข้าวงการตอนประมาณปีสี่ครับ พอดีพี่เอ็กซ์ ผู้บริหารของ จีเอ็มเอ็มทีวีเขาเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยศิลปากรที่ผมเรียนอยู่ซึ่งผมไม่ได้เรียนกับเขา แต่ผมไปแกล้งเป็นลูกศิษย์ เข้าไปกวนส้นตีน ไปเทของออกจากกระเป๋าขณะที่เขาคุยกันอยู่ (ยิ้ม) เขาเลยแบบเห็นผม เห็นบุคลิกหรือว่าเห็นสไตล์มั้งครับว่าผมกวนตีน ก็เลยให้เพื่อนมาถามผมว่ามีคนสนใจเป็นพิธีกร เลยเรียกไปคุย ผมไปคุยเขาบอกว่าสนใจมาเป็นพิธีกรไหม ผมบอกว่าถ้าพี่คิดว่าผมทำได้ผมก็ทำได้นะ (หัวเราะ) ผมไม่รู้ไงว่าเป็นใครอะไรยังไง มาหลอกผมหรือป่าวผมก็ไม่รู้ ก็กวนตีนไป เขาก็เรียกเขาไปแคสต์ครับ รู้จักกันวันเสาร์ เข้าไปแคสต์วันจันทร์ วันอังคาร วันพฤหัสฯ รู้เลยว่าได้เพราะว่าเขาหาคนสุดท้ายแล้ว อีกประมาณหนึ่งเดือนจะมีรายการแล้วครับ และสุดท้ายก็ได้เข้าไปตามนั้นครับ

ได้เข้ามาในวงการจริงๆเป็นยังไงบ้าง
ก็มันต้องโตขึ้นเนอะ เพราะว่าอันนี้คือทำงานจริงๆแล้ว ไม่ใช่การเรียนหนังสือทำงานเพื่อแลกกับเงินที่เขาให้เรามาอะไรยังงี้ เราก็ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นครับ โตขึ้น แล้วก็มองไปที่อนาคตมากขึ้น ว่าเราต้องดีขึ้นในทุกๆปี

อืม มีฮอร์โมนด้วยหรอ
ฮอร์โมนเป็นเรื่องแบบต๊อกต๋อยมากเลยครับ ออกประมาณสามวิ ทำไมสามวิอ่ะไม่มีชื่อด้วยในเรื่องอะ (หัวเราะ)

การได้ลองเล่นฮอร์โมนส์ สามวิ ทำให้เราอยากเข้าสู่วงการแสดงไหม

ตอนนั้นยังเลยครับ แค่ไปก็ได้

แล้วพิธีกรกับแสดงชอบอะไร
ชอบทั้งสองเลยอ่ะ แต่ว่าถ้าสมมติว่า ถ้าเลือกได้อยากทำอะไรมากกว่าหรอ อ่า เป็นพิธีกรล่ะกันครับผม เพราะว่ามันเป็ยตัวเอง มันเหมือนไปพูดกับเพื่อน พูดให้คนอื่นมีความสุข ส่วนละครบางทีต้องร้องไห้ มันก็เป็นความท้าทายอันหนึ่ง แต่เดี๋ยวนี้ก็เริ่มทำได้แล้วครับ มันก็ไม่ยากมากขนาดนั้น แต่ถ้าจะให้ทำจริงๆ พิธีกรเป็นตัวเลือกอันดับแรกครับ

มีงานด้านไหนที่อยากทำอีกไหมหรือบทไหนที่อยากเล่น

อยากเล่นภาพยนตร์ครับ อยากไปลองศาสตร์ฝั่งนู้นดูว่าเขาเล่นกันละเอียดขนาดไหน เขาบอกว่าการเล่นภาพยนตร์มันละเอียดกว่าละครกว่าซีรีส์เยอะมาก อยากลองดู

 

มีบทไหนหรือคาแรคเตอร์ไหนที่อยากเล่นไหม
อยากลองนิ่งๆ ดู อยากลองนิ่งๆ แต่พูดแล้วคม อันนี้ผมว่าเด็ดมากเลย ผมเป็นคนพูดไปเรื่อยไง เวลาพูดแล้วไม่ค่อยคม พูดกวนตีนไปเรื่อย ถ้าสมมติเป็นบุคลิกที่นิ่งๆ เวลาพูดแบบ ปุ๊บๆ เออน่าจะดี

จุดแข็งของออฟคืออะไร
Oh my god! จุดแข็งหรอ ความกวนประสาทสไตล์ผม อาจจะเป็นที่สไตล์การพูดการแต่งตัว แล้วก็เป็นคนตรงๆ แล้วก็ในตอนนี้เนี่ย เป็นพี่ใหญ่ เป็นนักแสดงรุ่นใหม่ที่โตที่สุด อายุยี่สิบเจ็ด ในขณะที่คนอื่นอายุยี่สิบสอง ยี่สิบสามเอง ก็ต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าคนอื่น มีความคิดที่โตกว่าคนอื่น และก็คอยดูแลน้องได้ มันยากมากเลยในการเป็นพี่เนี่ย

เคยแกล้งน้องๆ ใน GMM TV บ้างไหม
ผมเป็นคนแกล้ง แต่ไม่รุนแรงขนาดนั้น (ยิ้ม) แต่ว่าเคยมีทะเลาะกับกัน เรื่องซ้อมๆ อยู่ มีกลิ่นตดใครลอยมา ผมแกล้งว่ากลิ่นมึงอะแหละๆ แล้วมันโมโห หงุดหงิดๆ ซ้อมเต้นอยู่แล้วมันเหวี่ยง อารมณ์ขึ้นลงง่ายครับ ก็หงุดหงิดเสร็จปุ๊บ ผมก็หงุดหงิดตาม แป๊บนึงก็คุยกันปกติครับ
 

จีเอ็มเอ็มมีนักแสดงรุ่นใหม่เยอะขึ้น เรากดดันไหม
ไม่เลย เพราะว่าผมเป็นของผมแบบนี้แล้ว ให้ผมเปลี่ยนตัวเอง ยังไงอะ ไม่รู้อะ ผมแค่ทำตัวเองให้ดีที่สุดและมีความรับผิดชอบก็พอแล้วในความคิดผม

พออายุเยอะขึ้นเราคิดไหมว่าจะอยู่กับอันนี้นานไหน เรื่อยๆไหม หรืออายุเท่าไหร่เราจะเลิกทำ
ตอนแรกมองไว้แค่สามสิบสองก็พอแล้วครับ แต่ถ้าสมมติว่าใน ณ ขณะนั้นอายุสามสิบสอง สามสิบสาม ผมยังมีงานที่เยอะอยู่ ยังมีงานที่ดีอยู่ ผมจะเลิกทำทำไม มันก็ยังได้เงินอยู่ ผมก็ทำไปเรื่อยๆ มันจะมีจุดๆ นึงที่เราน่าจะรู้ตัวเองแหละว่าควรออกมาแล้ว ซึ่งในความคิดผม จริงๆ แล้วผมอยากทำเบื้องหลัง ไม่อยากทำเบื้องหน้าเท่าไรหรอก แต่พอมาได้ทำมันก็ดี มันก็มีตัวตนมากขึ้น ได้ฝึกสกิลตัวเองมากขึ้น ได้รู้ว่าตัวเองทำอย่างนี้ได้ ใครจะไปรู้ว่าผมอยู่ดีๆ ผมร้องไห้ได้ในซีรีส์ แล้วก็ฝึกจนทำได้ครับ แล้วถ้าสมมติทำได้ดีไปเรื่อยๆ ผู้ใหญ่เห็นไปเรื่อยๆ เราก็ไม่ออกอะครับ ก็อยู่ไปเรื่อยๆ

 

ติดตามบทสัมภาษณ์เรื่องราวของทั้งหนุ่มๆได้
ใน 
#KazzMagazine 141 ปกโป๊ปมิว

สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ ที่
https://kazz-magazine.com/product/kazz-141-pope-mew/

 

หรือดาวน์โหลด E-Book