“หนุ่ม กะลา” เผยความรู้สึกนาทีถูกใส่กุญแจมือ ขึ้นศาลสู้คดีละเมิดลิขสิทธิ์ ยันไม่เคยกระโดดเวทีหนี

ออมาเผยความคืบหน้าคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ให้แฟนเพลงได้อัปเดตกันแล้ว สำหรับ “ณพสิน แสงสุวรรณ” หรือ “หนุ่ม กะลา” จากกรณีที่ถูกค่ายเพลง “มิวสิคบั๊กส์” แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์เพลงยาม โดยเจ้าตัวเผยว่าตอนนี้เรื่องคดีอยู่ในขั้นตอนของการขึ้นศาลบ้างแล้ว ไปขึ้นศาลมาทั้งหมด 17 ที่ ซึ่งเรื่องส่วนใหญ่จะอยู่ที่อัยการ

พร้อมเผยต่อว่าตอนนี้ยังเหลือที่จะต้องไปส่งตัวตำรวจอีก 2 ที่ อยุ่ที่กรุงเทพฯทั้งหมด รับที่ผ่านมา 17 ที่ ใช้เวลาหลายเดือน เพราะเดินทางไปขึ้นศาลทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีขั้นตอนเยอะ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะจบยังไง คงต้องทำไปตามขั้นตอนของศาลก่อน คาดน่าจะอีกพักหนึ่ง แจงที่ใส่กุญแจมือเป็นขั้นตอนของทางอาญา พร้อมแจงต่อว่าทุกคนที่ไปขึ้นศาลโดนทางอาญา ก่อนขึ้นศาลจะต้องโดนล็อคกุญแจมือ บางศาลก็จะมีห้องที่กักกันตัว หลายๆศาลก็จะเป็นคุกจริงๆ ซึ่งตนก็โดนคุกบ้าง โดนห้องกักกันตัวบ้าง โดนใส่กุญแจมือล่ามกับคนอื่นๆบ้าง และที่ลงรูปไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่โดน

เผยความรู้สึกมันสับสน ครั้งแรกที่โดนใส่กุญแจมือ จะว่าอายก็ไม่เชิง จะว่าทำหน้าไม่ถูกก็ไม่ใช่ เพราะตอนเดินเข้าไปในคุก แล้วมีนักโทษอยู่จริงๆ แล้วคนในคุกที่จำตนได้ ก็พยายามทักทาย แต่ว่ามันคือสถานที่ ที่เขาทักมาแล้วเรายิ้มระรื่นไม่ได้ ซึ่งตนตรงนี้ตนก็ไม่โอเค และคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้ตนเสียใจมากที่สุดในชีวิตเรื่องหนึ่ง รับท้อที่ต้องโดนเยอะขนาดนี้ แต่ตอนหลังเริ่มชินบ้างแล้ว แต่จะมีสิ่งที่ไม่ชินเลย ก็คือการที่จะต้องไปขึ้นศาลลึกๆจะมีผวาบ้างนิดหน่อย เพราะลุ้นว่าขอให้ไม่ต้องเข้าไปอยู่ในคุก ลุ้นว่าขอให้ศาลนี้ไม่ต้องล็อคกุญแจมือแล้วพ่วงกุญแจมือกับคนอีก 5 คน เดินผ่าฝูงชนไปขึ้นศาล ก็ลุ้นแบบนั้นทุกครั้ง

พร้อมเล่าเหตุการณ์ตอนที่ขึ้นศาลครั้งแรก ว่าตนได้ใส่เสื้อสูทไปขึ้นศาล เพราะไม่เคยรู้ว่ามันมีขั้นตอนของการกักกันตัว ไม่รู้ว่ามันมีขั้นตอนของการใส่กุญแจมือ แล้วก็โดนมากกว่าใส่กุญแจมือคือการล็อคกุญแจมือพ่วงกับคนอีก 5 คน แล้วก็มีญาติๆประชาชน ยืนดูอยู่ รับตอนนั้นตนไม่โอเค

เมื่อถูกถามว่ารู้สึกยังไงที่ถูกตำรวจบุกจับ ตอนขึ้นร้องเพลงตามสถานที่ต่างๆ เจ้าตัวแจงว่า จริงๆตามกฎหมายบุกจับไม่ได้ แต่ว่าถ้าลงเวทีเมื่อไหร่ ตนโดนรวบได้ ซึ่งทุกวันนี้ตนก็ยังต้องให้ทนายและผู้จัดการเฝ้าระวังเรื่องหมายจับอยู่ รับมีความเสี่ยงว่าเวลาขึ้นคอนเสิร์ต แล้วเวลาลงจากเวทีมาจะโดนจับไหม แต่ตนก็ทำตามหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด เพราะว่าคิวงานเยอะมาก ทั้งนี้ตนก็ขอความกรุณาจากพี่ๆที่ศาลและอัยการเวลามีคิว บางที่เห็นใจ แต่บางที่คุยไม่ได้ ก็ต้องเจียดเวลาตอนเช้าก่อนโชว์บินลงไป

พร้อมเผยความรู้สึกเรื่องลิขสิทธิ์ในฐานะนักร้องว่า ตนเป็นคนเคารพเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นคนผลิตงาน และก็ครั้งนี้ที่พลาดไป ตนก็ยอมรับผิด ส่วนคนไหนที่กำลังละเมิดอยู่ ตนก็คิดว่าไปขอให้ถูกดีกว่า ถ้าเกิดเจอแบบตนมันวุ่นวาย ส่วนเรื่องการลดทอน ที่ผ่านมาตนก็ขึ้นศาลใหญ่ๆมาครั้งหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่ลด ก็ยังเป็นที่ละ 5 แสนเหมือนเดิม ที่ละ 5 แสนรวมแล้วน่าจะ 20 กว่าล้าน และก็ยังมีแพ่งที่ฟ้องไปอีก 40 กว่าล้าน รวมแล้วก็ 60 กว่าล้าน เผยอีกฝ่ายไม่ผ่อนเบาให้ ยังยืนยันตัวเลขเท่าเดิม

ทั้งนี้นักร้องหนุ่มยืนยันว่า ตนได้คุยกับค่ายที่ฟ้องตั้งแต่วันแรก และข่าวที่ออกไป หรือว่าการที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดให้ข่าวเป็นเรื่องไม่จริง ซึ่งตนก็มีหลักฐานทั้งหมดในการคุย คุยมาตั้งแต่วันแรกไม่เคยหนี และถ้าไปถามตำรวจ ศาลอัยการตนไปตามขั้นตอน โทรทุกครั้งทุกที่ และไม่เคยกระโดดเวทีหนี ตนโชว์ปกติ ไม่เคยต้องหลบๆซ่อนๆในการไปโชว์อะไรทั้งนั้น เผยสิ่งที่ตนและผู้จัดการเตรียมตัวและเตรียมการ คือโทรไปขอความกรุณาศาล อัยการ หรือตำรวจ ว่าถ้าพร้อมเมื่อไหร่เดี๋ยวตนไปให้นะ

รับตั้งแต่เกิดเรื่องคดีขึ้นมา มันสอนให้ตนมองคนอีกแบบหนึ่ง มันสอนให้ตนแกร่งขึ้น ทุกครั้งที่ตนเดินเข้าไปในห้องกักกันตัวหรือในคุก มันทำให้ทุกครั้งที่ออกมาเราแข็งแรงขึ้น ใจเราแข็งแรงขึ้น

ภาพจากอินสตาแกรม numkala

สั่งซื้อ Kazz Magazine เล่ม 151 ฉบับเดือน มกราคม

หรือดาวน์โหลด E-Book