Exclusive ‘นิว ชัยพล’ ครั้งแรก!! ในบทบาทที่ท้าทายกับพิธีกรรายการสด

‘นิว ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต’ อีกหนึ่งนักแสดงคุณภาพที่มากความสามารถล่าสุดเขากลับมาพร้อมกับบทบาทใหม่ที่ท้าทายใน “ลุ้นล้าน ล่าฝัน แจ็คพอต” เกมโชว์รูปแบบใหม่เป็นรายการสด ที่จะแจกเงินล้านแบบสดๆ ทุกเย็นวันอาทิตย์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 3 กด 33 ประเดิมบทบาทพิธีกรเต็มตัวครั้งแรก ซึ่ง KAZZ Online ได้สัมภาษณ์พิเศษเจาะลึก ‘นิว ชัยพล’  ถึงการทำงานครั้งนี้ที่ถือเป็นการพัฒนาไปอีกขั้นในวงการบันเทิงของเขาเลยก็ว่าได้ พร้อมพูดคุยเรื่องราวความรักความผูกพันของครอบครัวที่นิวบอกกับเราว่าเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา

อะไรทำให้ตัดสินใจรับงานพิธีกรรายการสดทั้งที่เราไม่มีประสบการณ์มาก่อน

“ต้องย้อนกลับไปช่วงอายุ 16-17 เราก็มีโอกาสได้เป็นพิธีกรรายการวัยรุ่น และก็ห่างหายมาแสดงหนัง – ละคร แล้วตอนนี้มีรายการท่องเที่ยวบ้าง แล้วเราชอบเกมโชว์ ชอบงานพิธีกร ซึ่งผมได้มีโอกาสไปเป็นแขกรับเชิญในรายการต่างๆ เราก็เห็นว่าคนที่เป็นพิธีกรเขาต้องควบคุมสถานการณ์และคอนโทรลทั้งผู้ชมและแขกรับเชิญให้ได้เพราะเราไม่รู้เลยว่าแต่ละคนจะมาแนวไหนมันคือความท้าทาย ตื่นเต้น และยิ่งเป็นรายการสดก็ยิ่งคาดเดาไม่ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมรู้สึกว่ามันเป็นความสนุกอย่างหนึ่ง อย่างพี่วิลลี่ แมคอินทอช ผมก็ชื่นชอบพี่เขามากรู้สึกว่าพี่เขาเป็นพิธีกรที่เก่งเป็นไอดอลสำหรับเรา และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมตัดสินใจรับงานนี้ก็คือผมมั่นใจในทีมงานบริษัท มีมิติ เพราะเขาผลิตรายการดังๆ มาแล้วหลายรายการเราคุ้นเคยกับพี่ๆ เลยมั่นใจว่าเขาเก่ง  จึงอยากจะเปิดประสบการณ์และก้าวเข้ามาในอาชีพพิธีกรได้อย่างแข็งแรงและอาจจะสามารถต่อยอดในอาชีพนี้ให้กับเราได้ในอนาคต พอผู้ใหญ่ให้โอกาสเราก็เลยอยากลองดู”

การพัฒนาฝีมือเป็นสิ่งที่ดีแต่บางครั้งเหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ ได้เตรียมใจรับมือกระแสดราม่าไว้บ้างหรือเปล่า

“ตอนเริ่มทำถามว่าเรากลัวไหม กลัว! กังวล ระแวงไปหมด แต่ก็คิดว่าถ้าเราไม่ลองก็จะไม่รู้ว่าเราทำได้ไหม จะดีหรือไม่ดี แต่เราอยากลองทำก่อนเพราะโอกาสมันมาแล้วดีกว่ามาเสียใจทีหลังที่ไม่ได้ทำ มันอาจจะมีดราม่าแต่ผมคิดว่ามีคนติก็เป็นสิ่งที่ดีถือว่ามีฟีดแบคนะ ไม่ใช่ว่าเราชอบให้ใครมาด่า  แต่ผมชอบเพราะว่ามันสามารถช่วยให้เราพัฒนาและปรับปรุงตัวเองได้ ติในแง่ที่มีเหตุผลผมก็รับฟังแต่ถ้ามาเกรียนด่าไปเรื่อยอันนั้นก็คงปล่อยผ่าน แล้วเราก็เอาคำตินั้นมาแก้ไขข้อบกพร่องมันจะทำให้เราแข็งแกร่งและรู้ข้อผิดพลาดของตัวเองมันอาจจะมีรายละเอียดเล็กๆ ที่เราหรือทีมงานคาดไม่ถึงแต่คนดูหลายๆ ตาก็อาจจะช่วยมองเห็นในข้อผิดพลาดตรงนี้คอยเติมเต็มให้เราได้  เรียกว่าเราก็ได้เรียนรู้จากผู้ชมไปด้วยซึ่งเอาจริงๆ ผมมองว่าทุกคนหรือทุกสิ่งในชีวิตเป็นครูเราได้หมด สามารถสอนเราได้ตลอดเวลา อยู่ที่ว่าเราสนใจและมองเห็นมันหรือเปล่า”

ถือว่าเป็นรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ในวงการบันเทิงคิดว่าอะไรทำให้รักในงานตรงนี้

“วงการบันเทิงคือบ้านอีกหนึ่งหลังที่อบอุ่นเพราะว่าเราอยู่กับงานตรงนี้มาครึ่งชีวิต และเราได้ร่วมงานกับกลุ่มคนที่เราสนิทคุ้นเคยเป็นความสัมพันธ์ที่ดีและมีความสุขทุกครั้งเมื่อได้ทำงานตรงนี้ เอาจริงๆ มันก็มีหลายเรื่องที่ผมอยากเล่นและไม่ได้เล่นเพราะว่าคิวไม่ได้แต่ตลอด 12 ปี การทำงานของผมก็พยายามจะเลือกรับละครและคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันไปเกณฑ์ใหญ่ในการตัดสินใจก็คือ ทีมงาน ผู้กำกับ ทีมเขียนบทที่เรารู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ มั่นใจ รู้สึกว่าเราทำงานกับเขาแล้วอุ่นใจเหมือนครอบครัว บางทีเราเลือกค่าตอนน้อยกว่าด้วยซ้ำหรือต้องตื่นเช้าตี 4  ตี 5 ไปทำงาน อาจจะเหนื่อยบ้างแต่เรามีก็ความสุข เหมือนเรากำลังทำงานศิลปะพอเวลาเจอคนที่เห็นคุณค่าของงานชิ้นนี้เหมือนกันและมันให้อะไรกลับคืนสังคมได้ด้วย แม้เรื่องนั้นมันอาจจะไม่โด่งดังหรือสร้างชื่อแต่เราก็แฮปปี้”

นักแสดงเจ้าบทบาทที่ไม่หยุดพัฒนา

“หม่อมน้อยเคยบอกผมเสมอว่าเริ่มเรื่องใหม่ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่  ไม่ว่าคุณจะได้รับรางวัลเรื่องนั้นจากเวทีไหนก็ตามและทุกครั้งที่เริ่มเปิดกล้องใหม่ผมก็จะรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้ง คืนก่อนหน้านั้นเรานอนจะนอนไม่หลับ หรือเวลาแสดงบทไหน ตัวละครที่คนจะรู้จักและเข้าใจมันมากที่สุดก็คือ ผม ผู้กำกับ และคนเขียนบท เราก็จะพูดคุยกันตลอดว่าจะปั้นมันออกมายังไงให้สมบูรณ์ที่สุด สำหรับผมคิดว่าทุกตัวละครมันมีมิติมีความน่าสนใจหมด  เพราะผมเชื่อว่ามนุษย์คนหนึ่งต้องมีความแตกต่างกันอยู่แล้วแม้กระทั่งบทฝาแฝดก็มีความแตกต่าง ผมจะดูเรื่องราวของเรื่องนั้นๆ โดยรวมมากกว่าว่าน่าสนใจไหม”

ครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญ

 “ผมถือว่าในแง่ของครอบครัวคือ Frist Priority เป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราอยู่ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ว่าต่อไปผมจะแต่งงานมีลูกมีครอบครัว ก็ยังอยากอยู่กับครอบครัวอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านเหมือนเดิม เราอยากใช้เวลาและอยู่กับครอบครัว  บางครั้งเราทำงานมาทั้งวันกลับมาบ้านก็อยากจะนั่งคุยหรืออยู่กับทุกคนที่บ้านผมก็จะมีห้องที่เป็นส่วนกลางที่ทุกคนก็จะมาอยู่รวมกันพูดคุย ดูทีวี นั่งเล่น พวกเราก็จะอยู่ตรงนั้นกันตลอดนอกจากเวลาที่ผมอ่านบทหรือนอน ผมถึงจะอยู่ในห้องตัวเอง” 

ความรักความผูกพันของนิวกับคุณแม่

 “คุณแม่เป็นคนที่ไม่เคยบังคับอะไรเราเลยตั้งแต่เรื่องเรียน เล่นกีฬา อยากทำอะไรก็ให้ทำให้เรารู้สึกอิสระ อาจเพราะว่าที่บ้านเราเลี้ยงลูกแบบฝรั่งด้วยก็จะให้เราเรียนรู้ด้วยตัวเอง คือคุณแม่เขาจะสอนและบอกว่าอะไรดีหรือไม่ดี แล้วปล่อยให้เราได้ลองหรือเลือกเองเราจะได้มีประสบการณ์แต่ไม่ได้ตามใจหรือสปอยลูก ส่วนเรื่องการแสดงออกความรักของพวกเราจะค่อนข้างน้อยด้วยความที่บ้านเป็นลูกผู้ชายทั้งบ้านก็จะแมนๆ หน่อย คุณแม่ผมเขาก็ไม่ใช่สายหวานก็ออกแนวแมนๆ เหมือนกัน แต่เวลาไปทำงานต่างหวัดหรือไปต่างประเทศนานๆ เราก็จะกอดกันบ้างพอกลับมาก็อาจจะมีกอดคุณพ่อคุณแม่อีกครั้ง”

ลูกชายที่พร้อมจะดูแลทุกคนในครอบครัว

 “ความฝันผมอยากเก็บเงินสร้างบ้านมีสนามหญ้าและอยู่ด้วยกัน ผมเคยได้ยินคุณพ่อคุณแม่บอกว่า “เขาไม่ห่วงในตัวผมแล้ว” ผมรู้สึกภูมิใจที่ทำให้เขาไม่กังวลหรือเป็นห่วง เราโตมากขึ้นมองโลกในหลายๆ มุมและมีความคิดที่โตกว่าอายุอาจจะเพราะเราเข้ามาในวงการเร็วและได้เจอหม่อมน้อยที่คอยสอนเราด้วยในแง่ของการใช้ชีวิต มีสติ การแสดงแอคติ้งให้มันไปกับชีวิตจริงได้ และตอนนี้เราก็ถือว่าเรามีอาชีพแล้วอยู่ด้วยตัวเองได้ เราไม่ขอเงินท่านมานานและเราก็ไม่เดือดร้อน ดูแลตัวเองได้ ก็ทำให้เรารู้สึกภูมิใจที่เขาพูดแบบนั้น”

มีโอกาสได้ติดตามนิวและเห็นไลฟ์สไตล์เป็นคนที่ชอบท่องเที่ยว อยากรู้ว่าหากมีโอกาสได้ใช้เวลากับครอบครัวอยากพาไปที่ไหน

“ผมอยากพาครอบครัวไปมัลดีฟส์ อาจจะเป็นทะเลบ้านพักที่ลักชูรี่หน่อยเพราะพ่อแม่ก็อายุมากแล้ว คุณแม่เขาก็เคยบอกว่าอยากไปมัลดีลฟ์ ก็เลยอยากพาเขาไป อาจจะมีกิจกรรมเล็กๆ ให้ทำร่วมกันในครอบครัว มีอาหารดีๆ ทำให้เรารู้สึกว่าเราได้พักผ่อนจริงๆ”

ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้วคิดว่าอะไรจะเป็นสิ่งที่เติมเต็มให้เรามีความสุขอีกบ้าง

“ผมอยากเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ใหม่ๆ ทั่วโลกเพราะจะทำให้เรามีพลังมีแรงบันดาลใจ เราไปเจอสิ่งใหม่ๆ วัฒนธรรมใหม่ๆ เจอธรรมชาติ อาหาร ภาษา หรือผู้คนใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเจอ มีสิ่งที่เราต้องแก้สถานการณ์มันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งในการเดินทาง ผมเคยคิดว่าเราอยากเดินทางจนกระทั่งเราเดินทางไม่ไหว แล้วก็หาที่ต่างจังหวัดสักที่หนึ่งข้างหลังเป็นภูเขามีแม่น้ำ มีที่ทำไร่ ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์แล้วเราก็ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับธรรมชาติ”

ฝากผลงานให้แฟนๆ ได้ติดตามกันหน่อย

“ตอนนี้ผมก็มีถ่ายละครอยู่สองเรื่อง “ดวงใจในมนตรา” ของบรอดคาสซ์ และ “ลายกินรี” ของพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ทั้งสองเรื่องก็สนุกสนานแตกต่างโดยสิ้นเชิง คนละยุคคนละสมัยคนละคาแรกเตอร์แต่ว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจทั้งคู่ และฝากรายการสด “ลุ้นล้าน ล่าฝัน แจ็คพอต” ทุกเย็นวันอาทิตย์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 3 กด 33 ด้วยนะครับ”

สั่งซื้อ Kazz Magazine ได้ที่