วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ คดีที่ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ “เบนซ์ เรซซิ่ง” อายุ 34 ปี จำเลยที่ 1 ร่วมกับ นายสรรเสริญ รสานนท์ หรือ เน็ต จำเลยที่ 2 และ น.ส.อังสุพร อินา หรือ อุ้ม จำเลยที่ 3 ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542, พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522, พ.ร.บ.มาตรการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534
โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 7 ก.ย.2561 ให้จำคุก จำเลยที่ 1 คือ “เบนซ์ เรซซิ่ง” 8 ปี ฐานร่วมกันฟอกเงิน ขณะที่ยกฟ้องข้อหาสนับสนุนหรือช่วยเหลือหรือสมคบค้ายาเสพติด ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ และ พ.ร.บ.มาตรการในการป้องกันและปรามยาเสพติดฯ ส่วนจำเลยที่ 2-3 ศาลสั่งจำคุกคนละ 24 ปี ปรับคนละ 4 แสนบาท ฐานสมคบกันค้ายาเสพติด และร่วมกันฟอกเงิน โดยวันนี้เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้นำตัว จำเลยที่ 2 และ 3 ออกมาจากเรือนจำ เพื่อร่วมฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ขณะที่ เบนซ์ เรซซิ่ง ซึ่งได้รับการประกันตัว ได้ติดกำไลอีเอ็ม มาฟังคำพิพากษา
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้เพิ่มโทษจำคุกเบนซ์ เรซซิ่ง จำเลยที่ 1 ในข้อหา สนับสนุน ช่วยเหลือ หรือ สมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ให้จำคุกตลอดชีวิต และความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน จำคุกอีก 5 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ได้รับการลดโทษ คงเหลือจำคุกรวมเป็นเวลา 36 ปี 8 เดือน และปรับเงินกว่า 3.3. ล้านบาท ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 พิพากษาจำคุกคนละ 22 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 4 แสนบาท
สำหรับคดีดังกล่าว อัยการได้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2560 ระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อต้นเดือน พ.ย. 2559 -2 ก.พ. 2560 จำเลยทั้งสาม กับนายณัฐพล หรือบอย นาคคำ จำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อย.2187/2560, อย.1883/2560, อย.1257/2560 ของศาลอาญา, นายชัยวัฒน์หรือแป๊ะ ชูสาย จำเลยคดียาเสพติดซึ่งศาลมีคำพิพากษาไปแล้วคดีหมายเลขแดงที่ อย.1679/2560 กับนายนพ หรือบาส รัตนวิสุทธิ์ จำเลยคดียาเสพติด หมายเลขดำที่ อย.838/2560 ของศาลอาญา พวกที่หลบหนีและยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันสมคบสนับสนุนช่วยเหลือเพื่อกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดชนิดไอซ์และยาบ้าที่เป็นยาเสพติดประเภท 1 และร่วมกันวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำในการเป็นผู้จัดหา ครอบครอง เก็บรักษา ลำเลียงยา หาลูกค้าและเป็นเครือข่ายการรับยาเสพติด รวมทั้งจัดการด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายยาเสพติดที่นายณัฐพล หรือบอย กับพวกเป็นผู้จัดหายาเสพติดและเป็นผู้ประสานงานในการขนถ่ายลำเลียง ซึ่งวันที่ 26 พ.ย. 59 เจ้าพนักงานได้จับกุม นายนพ หรือบาส กับพวกได้พร้อมของกลางยาบ้า 140,000 เม็ด และยาไอซ์ชนิดเกล็ดสีขาว น้ำหนัก 19 กก.เศษ โดยนายณัฐพล หรือบอย นาคคำ ได้โอนเงินที่กระทำเกี่ยวกับยาเสพติดผ่านบัญชีธนาคารบุคคลอื่น
ส่วนนายอัครกิตติ์, นายสรรเสริญ และ น.ส.อังสุพร จำเลยที่ 1-3 เปิดบัญชีธนาคารเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งได้มีการจัดการรับฝากเงินและโอนเงินค่ายาเสพติดไปยังบัญชีธนาคารชื่อนายอู๋ ปังโอฬารภาวะกุล, นายสุวัฒน์ พวงมาลี ที่เป็นเครือข่ายของนายณัฐพลหรือบอย เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินซึ่งเป็นการช่วยเหลือให้นายณัฐพลหรือบอยกับพวก ไม่ต้องรับโทษ โดยระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 57 – 1 ก.พ. 60 มีการโอนและรับโอนเงินตามคำสั่งของนายณัฐพล รวม 53 ครั้ง เป็นเงิน 11,072,547 บาท โดยยังมีการโอนเงิน ซึ่งนายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 ได้รับจากนายณัฐพลไปซื้อรถลัมโบร์กินี และจักรยานยนต์ราคาแพงด้วย เหตุเกิดที่แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม, แขวงจอมทอง เขตจตุจักร, แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ, เขตจตุจักร, แขวงและเขตดินแดง กทม. เกี่ยวเนื่องกับ ต.บางขุนกอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
โดยในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณา นายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนนายสรรเสริญ หรือเน็ต และน.ส.อังสุพร หรืออุ้ม สามีภรรยา ที่ตกเป็นจำเลยที่ 2-3 ให้การรับสารภาพฐานฟอกเงินในชั้นพิจารณา ขณะที่ภายหลังถูกอัยการฟ้องเป็นคดีแล้ว นายอัครกิตติ์ หรือเบนซ์ ได้รับการประกันตัว ส่วนนายสรรเสริญ จำเลยที่ 2 ถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง และ น.ส.อังสุพร จำเลยที่ 3 ถูกคุมขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง
ขอบคุณ ภาพ : Akarakit Worarojcharoendet