ซานิ-เอม สองสาวเท่แห่งบ้านเอเอฟเปิดใจมุมมองความรัก
มาดูกันดีกว่าว่า ซานิ นิภาภรณ์ และ เอม สาธิดา ที่เห็นจากลุคภายนอกเป็นสาวเท่ จะมีมุมมองความรักอย่างไรกันบ้าง เพราะว่าเธอทั้งสองมีแฟนคลับเหนียวแน่นแล้วยังมีแต่คนรักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน
อยากให้ลองแชร์ความรักที่เราจำมาถึงทุกวันนี้
เอม : ก็คงเป็นความรักที่เราคิดว่ามันดีมากๆแล้วแต่เราเองที่แบบไม่ดี อาจจะเห็นว่าเป็นคนแบบแมนๆแต่จริงๆเป็นคนจุกจิกมากและก็เป็นคนขี้หึงขี้หวงมากๆก็เป็นความรักครั้งนั้นที่รู้สึกจริงๆถ้าเราปรับมากกว่านั้นเราอาจไม่เสียเค้าไป มันก็คงสายไปแล้วแหละที่จะบอกว่าขอโทษ จากวันนั้นถึงวันนี้นานแล้วก็ไม่เคยได้เจอไม่ได้คุยอะไรกันเลย ก็ถ้าเพลงนี้ฝากไปถึงเค้าก็คง ขอโทษในวันนั้นที่เราเด็กเราไม่เข้าใจโลก
ซานิ : เอาที่พีคๆละกันอย่าไปเอาเศร้ามาก ก็คบมา 7-8 ปี เค้าขอแต่งงานแต่เราขอเลิกส่วนทางกัน คือเรายังเด็กอะเราอายุยังน้อยแล้วเราก็รู้สึกเราห่างกว่าเค้า 10 กว่าปีเป็นช่วงที่ตัวเค้าเองเริ่มจริงจังแต่เราเหมือนยังปี1อยู่เป็นจังหวะเค้าขอหนูแต่งงานกัน เราก็เลยบอกเลิกกันเหอะพี่ เหมือนเป็นความรู้สึกที่ยังจำนะ เราไม่ได้เลิกกันเพราะเกลียดกัน แต่เราเลิกกันเพราะเรารักเค้าเราอยากให้เค้าไปเจอคนดีๆมีอนาคตที่ดีเราไม่รู้ว่าจะให้เค้ารอไปถึงเมื่อไหร่
ในอนาคตเราเจอเหตุการณ์แบบระหว่างมีคนรักเก่ากับมากับมีคนรักใหม่จะเลือกอะไร
ซานิ : คนเก่าเราคงไม่กลับไปแล้วอะเพราะมันรู้กันมาหมดแล้วมันเห็นนิสัยเห็นอะไรมันกินกันมาแล้วอะมันเหนื่อยนะกินอะไรของเดิมๆอะ เหมือนเจอข้างแกงร้านใหม่อะไปร้านใหม่ดิก็ยังไม่รู้หลอกว่าร้านใหม่มันอร่อยไหมแต่ก็ลองดูวะ เพราะว่าร้านนี้เคยกินแล้วไม่กลับ ยกเว้นว่าร้านใหม่มันไม่อร่อย ก็ลองดูร้านเดิมดูลองดิ๊กูจำได้แกงเหลืองมันอร่อยและเดี๋ยวพอร้านใหม่มาก็ค่อยไปร้านใหม่
เอม : สำหรับเอมเอมมองว่ากลับไปจุดจบก็เหมือนเดิมถ้ามันจะเวิร์คมันคงเวิร์คตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เราก็คิดว่าสิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้มันดีอยู่แล้วมันมีค่าแล้วเราจะทิ้งคนนี้ไปทำไมก็คงไม่กลับไป
มุมมองความรักตอนเด็กกับตอนนี้รู้สึกต่างหรือโตขึ้นไหม
ซานิ : ตอนเด็กนี่ต้องแบบหวือหวาต้องเจอกันต้องถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ต้องเขียนจดหมายเทศกาลต้องมีอะไรมาให้พอโตเรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นเลย โหขอคนที่เข้าใจดีกว่าคนที่เมื่อเรามีเวลาว่างแล้วเค้าพร้อมจะอยู่กับเราเมื่อเรามีเวลาว่างแล้วเค้าให้ในส่วนที่เราขาดในเหมือนเดิมเต็มกันอะเราก็เติมเต็มเค้าเหมือนกัน ซานิว่าคำว่าแฟนหรือคนรักอะมันรวมคำว่าเพื่อนไปด้วยนะคือการอยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกว่าเห้ยไปไหนไปกันได้ตลอดอะอันนั้นมันคือคู่ที่ดีมันคือการอยู่ร่วมกันที่ดี แต่ตอนเด็กๆมันจะไม่รู้สึกแบบนั้นมันรู้สึกเหมือน 24 ชั่วโมงต้องอยู่ติดกันตลอดไปไหนไปกันอยู่โรงเรียนเดียวกันกินข้าวด้วยกันจูงมือกันคือทำอะไรที่เด็กๆทำแต่พอโตขึ้นมาเรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นเลยเข้าใจทำงานก็เหนื่อยแล้วอย่ามานั่งทะเลาะกันให้เหนื่อยกว่าเดิมแค่นั้นเลยค่ะ
ให้บอกความดูแลเอาใจใส่ในเวอร์ชั่นของตัวเองเป็นยังไง
เอม : คำพูดสำคัญเอมเป็นคนขี้รำคานเป็นหงุดหงิดถ้ามีคนเข้ามาผิดจังหวะจะพูดจาไม่ดีใส่แต่หลังๆเริ่มปรับและรู้สึกว่าคำพูดบางคำพูดไม่ว่าจะเป็นแม่หรือคุณพ่อมันมีผลกระทบกับเค้ามากก็เลยรักษาดูแลตรงนั้น อย่างกับแฟนหรือคนที่คุยก็พยามพูดจาดีๆพยามค่ะบ้างปรับเปลื่ยนตัวเองเพราะเรารู้สึกว่าการอยู่ด้วยกันพูดไม่ดีใส่กันมันบั่นทอนทุกอย่างเลยและก็จะไม่พูดคำพยาบกับแฟนเรารู้สึกว่าถ้าเค้าพูดบ้างเราก็คงรู้สึกเสียใจ
ซานิ : ของซานิเป็นการสัมผัส เพราะสมัยตอนเด็กๆซานิเป็นคนแข็งมากกอดแม่กอดพ่อน้อยมากแต่พอโตขึ้นเรารู้ว่าเราทำงานเยอะบางทีเราเหนื่อยเราไม่รู้จะพูดอะไรมันพูดไม่ออก ซานิว่าทุกคนเป็นเหนื่อยกลับบ้านแล้วพูดไม่ออกแต่ได้กลับไปหอมแม่ให้แม่พอมกอดแม่หรือเรามีคนข้างเราตัวแล้วเราได้สัมผัสเค้าเช่นแบบได้กอดกันจับมือกันหรือตบแขนกันตบไหล่กันเบาๆแค่เนี้ยมันเหมือนเรารู้สึกแล้วนะว่าไม่ต้องพูดอะไรก็ได้เหมือนคนที่อยู่ข้างๆกันอะ หนึ่งซานิไม่ใช่คนพูดเยอะคือไปนั่งกินข้าวกันไม่ต้องพูดไรกันก็ได้กินข้าวมองหน้ากันแค่นั้นอะไม่ต้องคุยไรกันเยอะแต่ถ้าเรากอดกันเราสัมผัสทุกอย่างที่เราเจอในวันนั้นความเหนื่อยมันหายไปหมดเลย
สมัยนี้เวลาเราอึดอัดใจเราก้โพสต์ใน Facebook ถ้าเป็นสมัยก่อนเราจะระบายความรู้สึกยังไง
เอม : Blackberry ไง หนักกว่า Status อีกนะเพราะอัพเดตได้ตลอดเวลา ยิ่งเวลาอกหักอะก็จะเปลื่ยนหน้าจอเป็นจอดำ ประเด็นคืออยากเรียกร้องความสนใจไง จริง Status มันเป็นเหมือนอะไรที่ทำให้เราได้ระบายได้บอกออกไปจริง Status บาง status ไม่ได้อยากให้ใครเห็นแต่อยากแค่ให้คนๆเดียวเนี่ยแหละเห็น อย่างเช่นเพลงนี้เหมือนกัน status ของเพลงนี้คือ เก็บเอาในใจดีกว่าบอกไป คือเราเลือกแล้วแหละว่าจะเก็บความสัมพันธ์นี้ไว้แล้วก็ยังอยากเป็นเพื่อนกับเค้าอยู่ถึงแม้จะอึดอัดแค่ไหน