เป็นละครแนวดราม่าเรื่องใหม่ที่ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อดังสู่หน้าจอโทรทัศน์ครั้งแรก ‘มายาเสน่หา’ กับเรื่องราวชีวิตรักหลังแต่งงาน 7 ปีที่เต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม งานนี้ได้นางเอกมากฝีมือ ‘ไอซ์ ปรีชญา’ มาประกบคู่กับ ‘เคน ภูภูมิ’ เป็นครั้งแรก KAZZ ก็ไม่พลาดพาทุกคนไปพูดคุยกับพระนางคู่นี้กันแบบล้วงลึก บอกได้เลยว่าเมาท์กันมันหยดติ๋งจริงๆ คู่นี้…
โคจรมาร่วมงานกันในครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้างเมาท์ให้ฟังหน่อย
ไอซ์ : เคนเป็นคนอะไรก็ได้ เป็นคนยังไงก็ได้ ได้หมดง่าย ๆ สบาย ๆ ชิวล์ ๆ แต่ชอบฟังเพลงตี๊ด เพลงแดนซ์เพราะว่าตัวเองเป็นดีเจ แล้วก็มีเพลงของตัวเองที่ทำกับเพื่อน แต่ไม่น่าเชื่อว่าคนมีเขารักธรรมชาติรักการปลูกต้นไม้ ขัดกับการเป็น ดีเจสายแดนซ์เพลงตื๊ดๆ มาก เราก็งงบุคลิกเป็นเหมือนไบโพล่าหรือเปล่า (หัวเราะ) เคนเป็นคนไม่พูดค่ะ แรก ๆ ที่ เราได้เข้ามาทำงานร่วมกันด้วยกันวันแรก ถ้าไม่ได้เข้าฉากด้วยกันก็จะไม่คุยเลย ผู้กำกับก็เลยจับมาละลายพฤติกรรม แบบนั่งคุยกันหน่อย
เคน : จริง ๆ ไม่รู้จะเมาท์อะไรเลย เป็นคนเมาท์ไม่เก่ง (หัวเราะ)
ไอซ์ : เธอจะทำให้เราดูแย่นะ เพราะเราเมาท์เธอไปแล้ว
เคน : ไอซ์เป็นคนที่สนุกสนาน เป็นคนที่เอ็นจอยกับทุกสิ่ง แล้วก็คุยกับเรารู้เรื่อง เพราะผมเป็นคนที่คุยกับคนอื่นไม่ค่อยรู้เรื่องครับ (ฮา)
คาแรกเตอร์ที่ได้รับในเรื่อง ‘มายาเสน่หา’
เคน : ในเรื่องรับทบเป็น “ชาครีย์” ครับ เป็นผู้ชายวัยทำงานปกติคนหนึ่ง แต่เป็นคนที่ทำงานหนักมากเพราะว่าธุรกิจที่บ้านกำลังแย่ ก็เลยจะต้องทุ่มเทกับงาน 100% จนทำให้ลืมดูแลเทคแคร์เอาใจใส่ภรรยา เพราะว่าทำงานหนักจนเกินไป หรือเวลาเพื่อนชวนไป hangout ก็จะออกไปกับเพื่อน อยากผ่อนคลายกับเพื่อนๆ มากกว่า ที่จะปรึกษาพูดคุยกับภรรยาของตัวเอง
ไอซ์ : รับทบเป็น “มนสิชา” ในเรื่องก็จะเป็นผู้หญิงทั่วไป เป็นคนที่ซื่อสัตย์รักแฟนมาก ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง เป็นคนพูดตรงๆ คำพูดที่พูดออกไปก็จะแรงไปบ้างนิดนึง เป็นคนที่ไม่ยอมแพ้กับเรื่องความรักเลยแม้กระทั่งแต่งงานมา 7 ปีแล้วก็ยังเชื่อมั่นว่าความรักของเรายังไปต่อได้เสมอ
ข้อคิดดีๆ ที่ได้จากละครเรื่องนี้
ไอซ์ : เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนสองคน เวลามีความรักไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรก็จะเดินก้าวหน้าไปตลอด เพราะว่าเรารู้สึกว่าความรักเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นอะไรที่มีพลัง ถ้าเรารักกันต่อให้ใคร ก็ไม่สามารถหยุดเราได้ เราสามารถคบกันเพราะว่าความรักมันขึ้นอยู่กับคนสองคนค่ะ
เคน : ได้เรียนรู้ว่าถ้าเวลาคบกันนาน ๆ ต้องหมั่นเติมความหวานให้กันบ้าง (ยิ้ม) ไม่งั้นมันจะมีความรู้สึกเฉยชา หรือว่าชินจนเกินไป เพราะถ้าหากอีกคนเขาไม่ได้ชินเหมือนเรามันก็อาจจะรู้สึกไม่ดี หรือน้อยใจว่าคุณไม่เป็นแบบเมื่อก่อน
เชื่อเรื่องเลขอาถรรพ์เลข 5, 7, 25 หรือเปล่า?
ไอซ์ : ไม่ค่อยเชื่อเรื่องเลขอาถรรพ์สักเท่าไหร่ค่ะ เพราะว่าเลขอาถรรพ์มันเหมือนระยะเวลาในการคบถึงจุดอิ่มตัวอาจจะเป็นเวลาที่นานเช่น 5 หรือ 7 ปี แต่ไอซ์เชื่อว่าถ้าหากเรามีความสัมพันธ์กับใครมากขึ้นอยู่กับตัวบุคคลแต่ละบุคคลมากกว่า ไอซ์ก็คิดว่าถ้าเราจะรักกันมันไม่เกี่ยวกับการตัวเลขเอามาวัดว่า 7 ปีฉันต้องเลิกนะ ไอซ์เลยไม่ค่อยความเชื่อในเรื่องนี้
เคน : จริงๆ ก็ไม่ได้เชื่อนะครับ แต่ว่ามันก็คงจะเป็นช่วงที่คนค่อนข้างอยู่ด้วยกันมานานแล้วรู้สึกว่าอิ่มตัวในความสัมพันธ์ หรือว่าจะลืมไป เพราะความเคยชิน ไม่ได้เทคแคร์ไม่ได้ดูแลกันมากพอเหมือนเมื่อก่อน
มุมมองความรัก
ไอซ์ : ไอซ์คิดว่าทุกคนอยู่ได้เพราะความรัก มนุษย์ทุกคนอยู่ได้เพราะความรัก แต่ไม่ได้หมายความว่าความรักในที่ที่นี้หมายถึงแฟนเท่านั้น แต่จะอาจจะเป็นความรักในแบบครอบครัว รักคุณพ่อคุณแม่ รักเพื่อนฝูง หรือแม้แต่การที่เรารักสัตว์เลี้ยงของเรา ให้เชื่อว่าโลกใบนี้หมุนได้ด้วยความรัก ก็มันเป็นอะไรที่มีพลังและยิ่งใหญ่
เคน : มุมมองความรักตอนนี้ก็เรื่อย ๆ ครับ ไม่ได้มีอะไรหวือหวา เพราะตอนนี้เราทั้งคู่ก็อยากทำงานแบบเต็มที่กันไปก่อน ซึ่งตัวผมเองก็มีงานที่จะต้องทำเยอะมาก ๆ ส่วนของน้อง (เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา) ก็เช่นกันเพราะว่าเป็นโปรเจกต์ขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาใช้กำลัง
ในชีวิตจริงอยากจัดงานแต่งงานที่ไหน
เคน : อาจจะเป็นงานแต่งงานเล็กๆ ที่โบสถ์เพราะว่าผมเป็นคริสเตียน แล้วก็คงมาจากปาร์ตี้เล็ก ๆ กับเพื่อน ๆ ที่ริมทะเล หรือไม่ก็เป็นในที่ที่มันดูอบอุ่น ๆ มีแต่คนที่สนิท ไม่ได้คิดว่าจะจัดใหญ่โตอะไรครับ
ไอซ์ : ถ้าเลือกได้คงอยากจัดที่ต่างประเทศค่ะ เอาเป็นมัลดีฟส์แล้วกัน ถ้าเป็นไปได้นะเพราะทุกคนก็น่าจะอยากไปกัน เพราะที่นั่นทะเลสวย
ช่วงเวลาที่น่าจดจำมากที่สุดในการทำงาน
เคน : ฮู้! (ทำหน้าตกใจ) มันมีช่วงเวลาที่น่าจดจำเยอะมาก ๆ ครับ (ยิ้ม) งั้นเป็นก้าวแรกที่ผมเข้ามาในวงการบันเทิงดีกว่า เป็นตอนที่ได้เล่นภาพยนตร์ เรื่อง 30 กำลังแจ๋ว วันนั้นผมจำได้ว่ามีฉากที่ต้องเข้ากับ ‘พี่อั้ม พัชราภา’ ครับ ในคิวเขียนว่าเลิกประมาณสองทุ่ม ผมก็นัดเพื่อนเตะบอลตอนสี่ทุ่ม (หัวเราะ) พอสองทุ่มกว่าผมก็รู้สึกว่า “ทำไมปล่อยผมไม่ตรงเวลาเลย ผมรู้มาว่าดาราดังเขาก็มาตรงเวลาไม่ใช่เหรอ” ผมก็บ่น ๆ ไป พี่ ๆ ช่างแต่งหน้าเขาก็บอกกับผมว่า “กองถ่ายก็เป็นแบบนี้แหละ” ผมก็เลยพูดขึ้นว่า “ผมไม่เอาแล้ว ผมไม่อยากเป็นพระเอกแล้ว (เสียงอ้อน) เลิกก็ไม่ตรงเวลา ทีหลังผมจะมาไม่ตรงเวลาบ้าง” พอภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ฉายออกไปพี่ ๆ เขาก็มาแซวว่า “ไหนบอกว่าไม่อยากเป็นพระเอกแล้ว” (หัวเราะ)
ไอซ์ : การที่ได้ทำงานตลอดคือช่วงเวลาที่น่าจดจำทุกโมเมนต์ เพราะแต่ละโมเมนต์มันก็มีคุณค่าของตัวมันเอง ไอซ์รู้สึกว่าการได้มาทำงานมันเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีคุณค่าในชีวิต คนเราเกิดมาต้องทำงาน เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพให้ตนเอง ช่วยเพิ่มความรู้ ประสบการณ์ให้กับตัวเอง ไอซ์เชื่อว่าทุกโมเมนต์เป็นโมเมต์ที่สำคัญ และหาไม่ได้อีกแล้ว เพราะทุกวินาทีของชีวิตมันเป็นวินาทีที่สำคัญ คนเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว เราเลยจะต้องทำให้มันดีที่สุดในการใช้ชีวิต ชีวิตหนึ่งที่มีอยู่เราไม่รู้เลยว่า ชจะจากไปตอนไหน ไอซ์เลยคิดว่าทุกโมเมนต์สำคัญ และน่าจดจำค่ะ
ได้ออกมาเป็นนักแสดงอิสระแบบเต็มตัวของเคน
เคน : เรารู้สึกว่าได้เห็นบทบาทที่มันมากขึ้นมากกว่าครับ เพราะว่าจริง ๆ ที่ช่องก็มีบทบาทมากมายให้เราเลือก อย่างที่พี่เขาก็จะมาปรึกษาว่ารับบทนี้ไหม แต่บางทีเนื้อเรื่องละครของแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน เราจะได้เห็นความหลากหลายของเนื้อเรื่องที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะว่าเราก็อยู่กับช่องมา 10 ปีแล้วครับ พอได้ออกมาเป็นนักแสดงอิสระหรือว่าฟรีแลนซ์ ก็จะได้เห็นถึงบทบาทใหม่ ๆ มันก็อยู่ที่เราด้วยครับว่าเราจะเลือกลงมือทำแบบไหน
อยากบอกอะไรตัวเองตอนอายุ 19
เคน : อยากบอกตัวเองว่า “ควรเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมากกว่านี้นะ” เพราะว่าตอนนั้นเราไม่ชอบทำกิจกรรม ไม่เคยออกไปหน้าเสาธง แม้แต่เวลาพรีเซนต์งานหน้าห้องก็แทบจะมุดหนีตลอด แล้วการที่เราได้มาเป็นนักแสดง มันต้องเล่นด้วยความมั่นใจ เลยอยากจะบอกตัวเองตอนนั้นว่าให้มีความกล้าแสดงออก แล้วก็เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ไปเลย ตอนนั้นเรายังมีความเขินอาย เกรงใจ มันเลยเหมือนกั๊กตัวเองอยู่
ไอซ์ : อยากให้เริ่มพัฒนาตัวเองให้เร็วกว่านั้นเพราะว่าตอน 19 ยังไม่คิดถึงการพัฒนาตัวเอง แล้วก็อยากจะบอกตัวเองให้เข้าใจคนอื่นมากขึ้น ให้สนใจคนอื่นคนข้างนอกหรือว่ารอบข้างมาขึ้นไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่หรือว่าคนรอบตัวที่เราเจอได้รู้จัก และอยากจะสอนเรื่องการให้กับตัวเองแล้วก็ให้กับผู้อื่นด้วย เพราะการให้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เวลาเราโตขึ้นเรายิ่งต้องให้คนอื่นมากขึ้น เราเริ่มยิ่งต้องเป็นฝ่ายที่อยากจะให้อยากจะใส่ใจและเริ่มที่จะดูแลคนอื่น เริ่มของชีวิตให้มีคุณค่ามาก ๆ นะ อย่าเล่นเยอะจนเกินไปนะ ตอนอายุ 19 เราน่าจะคิดได้เร็วกว่านั้น
ฝากผลงาน
ไอซ์ : ก็ฝากละครเรื่อง “มายาเสน่หา” ด้วยนะคะ ออนแอร์ตอนแรกวันที่ 24 มีนาคม ทุกวันพุธและวันพฤหัสบดี เวลา 20:20 น ทางช่อง 3 กด 33 เป็นละครที่สะท้อนสังคมของคู่แต่งงานที่ทุกคนดูแล้วอาจจะเหมือนตัวเอง เป็นเรื่องใกล้ตัวที่เข้าใจได้ง่าย เสพง่าย ย่อยง่าย ดูได้ทุกคน
เคน : ทุกคนจะได้เห็นมุมมองในการแสดงใหม่ ๆ ของนักแสดงหลาย ๆ คนครับ เป็นเรื่องที่สนุก และเข้มข้น มีอะไรที่หน้าติดตามเยอะมากครับ ฝากทุกคนติดตามด้วยนะครับ