บทสัมภาษณ์ “มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร” สตาร์ตอัปหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงเจ้าของเทคโนโลยีสุดล้ำ ที่ก้าวนำเรื่องหัวใจไปไกลโข “MONDO รัก | โพสต์ | ลบ | ลืม”

บทบาทที่ได้รับในเรื่องนี้ 

ผมรับบทเป็น “หวัง” ครับ หวังก็เป็นนักธุรกิจ เป็นสตาร์ตอัปหนุ่ม เป็นคนที่ตั้งใจทำงาน รู้จักเทคโนโลยีเป็นอย่างดี เมื่อก่อนสมัยเด็กๆ ก็เป็นเนิร์ดคนหนึ่ง เป็น Geek คนหนึ่งที่ชื่นชอบในเทคโนโลยีแล้วโตขึ้นมามันก็ทันยุคทันสมัยพอดี ผมว่าเขาก็เป็น Role Model เป็นคนที่วัยรุ่นยุคใหม่อยากเป็นนะ ผมเองก็อยากเป็น เป็นคนที่ประสบความสำเร็จเร็ว รู้จักไอที เป็นเทรดเดอร์ รวยจากคริปโตเคอร์เรนซี มี Passive Income แบบอยู่เฉยๆ ก็มีเงินเข้ามาอะไรงี้ครับ แล้วก็ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักในเวลาอันรวดเร็ว เขาเป็นเจ้าของบริษัท Hope Inc. ที่พัฒนา “เม-บอต” (May-Bot) และ “มอนโด” (Mondo) ที่เป็นผู้ช่วยของเราและมีส่วนสำคัญที่พลิกผันเรื่องนี้เลยครับ

May-Bot ในเรื่องนี้คืออะไร 

“เม-บอต” คือผู้ช่วยของเรา หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินถ้าเทียบกับในโลกปัจจุบันก็คงเป็นเหมือน Chat GPT ที่แบบเราพิมพ์ถามอะไร เขาก็จะดึงข้อมูลดึงประสบการณ์จากตัวเราเองจากในโลกนี้มาตอบคำถามเรา มื้อนี้ควรกินอะไร วันนี้อยากทำอะไรดี เม-บอตก็จะย่อยข้อมูลต่างๆ ที่เรารู้และก็ที่เราลืมไปแล้วมาแพลนอนาคตเราได้ บอกอดีตเราได้ บอกปัจจุบันเราได้ว่าเรารู้สึกยังไง โดยการใช้เทคโนโลยีในการวิเคราะห์ครับ คือเม-บอตสามารถให้คำปรึกษาในฐานะการเป็นบอตแล้วกัน คือคิดจากอัลกอริทึม คิดจาก Big Data ที่รวบรวมมาจากอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตของตัวเราและของโลก สามารถให้คำตอบที่ค่อนข้างเป็นทางเทคนิคัลได้ดี

Mondo หมายถึงอะไร 

“มอนโด” คือเมตาเวิร์สครับ แล้วเมตาเวิร์สคืออะไร (หัวเราะ) เอางี้ละกัน นึกถึง The Sims มั้ย เด็กๆ ที่เราเล่นเกมสร้างบ้าน เราเป็นตัวละครๆ หนึ่ง แล้วก็มีชีวิต มีครอบครัวอะไรงี้ เมตาเวิร์สก็คือประมาณนั้น ซึ่งมอนโดในเรื่องก็เป็นเมตาเวิร์สเสมือนจริงที่เราใส่แว่น VR (Virtual Reality) เข้าไปปุ๊บ เราก็เข้าไปร่วมในโลกนั้นได้ สามารถสัมผัสทราย สัมผัสลม สัมผัสอากาศแบบเสมือนจริงได้ เป็นตัวละครตัวหนึ่งในโลกนั้น เหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งที่สามารถใช้ชีวิตได้จริง แล้วก็ดึงข้อมูล ฐานความทรงจำ สามารถสร้างอะไรที่เราไม่สามารถทำได้ในโลกจริงได้

MONDO รัก | โพสต์ | ลบ | ลืม” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร 

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้จุดเริ่มต้นมาจาก “ยี่หวา” ครับ คือยี่หวาเป็นยูทูบเบอร์สาวช่อง “โสดไปไหน” แต่ตัวจริงเขาไม่ได้โสดเหมือนชื่อช่องไง เขาก็เลยต้องปกปิดความสัมพันธ์นั้นไว้เพื่อจะแลกมาซึ่งยอดฟอลโลว์ผู้ติดตามหรือแม้กระทั่งลูกค้า ก็อาจทำให้ความสัมพันธ์ของยี่หวากับ “ดอม” แฟนของเขาเนี่ยมีความระหองระแหงกันเกิดขึ้นได้ ซึ่งตัว “หวัง” เองก็เป็นหนึ่งคนที่เข้ามากลางความสัมพันธ์เขาพอดี เข้ามาด้วยความที่เป็นเพื่อนเก่าสมัยมัธยม เป็นผู้พัฒนา “เม-บอต” ที่บังเอิญว่ายี่หวาได้ทดลองใช้แล้วก็สามารถทำให้แชนแนลของเขาเนี่ยยอดฟอลสูงขึ้นๆ เป็นล้านซับได้ในเวลาอันรวดเร็วจากเทคโนโลยีของเรา ก็เลยทำให้มีโอกาสได้ใกล้ชิด ได้ร่วมงาน สุดท้ายก็ต้องมารอดูว่าความสัมพันธ์จริงๆ จะเป็นยังไงระหว่างเขาสองคนกับตัวเราที่เข้าไปตรงกลางด้วย แล้วก็ความสัมพันธ์ในอาชีพการงานของตัวยี่หวาเองที่มีเม-บอตเข้ามาช่วยเหลือจะเป็นยังไง ซึ่งการเข้ามาของเราก็อาจจะทำให้ยี่หวาเกิดความลังเลระหว่างอดีตที่ผ่านมากับอนาคตที่จะได้เห็นแล้วก็สัมผัสได้ ยี่หวาก็คงเป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องเลือกระหว่าง “ความรัก” กับ “ความสำเร็จ”

ความคาดหวังของ “หวัง” ที่มีต่อความสัมพันธ์กับ “ยี่หวา”

คือจริงๆ “หวัง” เป็นคนที่สนใจ “ยี่หวา” มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว เพราะว่าเขาเป็นอีกพาร์ตหนึ่งที่หวังไม่มีแล้วกัน สมัยเรียนหวังเป็นเด็กที่กี๊ก (Geek) ในคอมพิวเตอร์ กี๊กในไอที จนอาจจะไม่สามารถเข้ามาใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปได้เท่าไหร่นัก แต่ว่ายี่หวาเป็นอีกพาร์ตหนึ่งที่หวังอยากเติมเต็ม ในจุดนี้แหละที่ทำให้เขาสนใจ และยี่หวาเป็นอีกคนหนึ่งที่เห็นหวังในสายตาในสมัยเด็กๆ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หวังสนใจยี่หวาแล้วก็อยากพัฒนาสิ่งที่จะช่วยเหลือมนุษย์ได้ ซึ่งหวังเชื่อเหลือเกินว่ายี่หวามีจุดนั้น มีบางสิ่งบางอย่างที่ช่วยเหลือมนุษย์ทุกคนได้เหมือนอย่างที่ยี่หวาเคยช่วยหวังประมาณนั้น ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นความประทับใจ แล้วก็ยิ่งโตมาได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่งก็ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่เขาเคยหลงใหลเคยประทับใจในตอนเด็กๆ มันยังคงอยู่แล้วก็มากขึ้น แล้วยี่หวาก็มีจุดที่สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้จริงๆ ผมว่าความสัมพันธ์ของหวังกับยี่หวามันมีความสัมพันธ์ทั้งในแง่ของความรักและในแง่ของธุรกิจด้วยที่มันไปด้วยกันได้ เชื่อว่าถ้าเขาเลือกเรานะ ทั้งสองอย่างก็สามารถเติบโตไปด้วยกันได้

ตัวละครนี้มีความเหมือนหรือแตกต่างจากตัวเองยังไงบ้าง

ก็ค่อนข้างเหมือนนะ คือเป็นคนที่ชอบเทคโนโลยีเหมือนกัน ชอบไอที เป็นเด็กที่แบบโตมากับคอมพิวเตอร์เหมือนกัน แต่ที่ต่างก็คือเขาน่าจะฉลาดกว่าผม เก่งกว่าผม และโตได้เร็วกว่าผมละกัน และจุดต่างอีกจุดหนึ่งก็คงเป็นเรื่องของความทุ่มเทในความรัก เขาเป็นคนที่มองในมุมของทัศนคติ ใช้ข้อมูลเป็นชุดความคิดหลัก เวลามีปัญหาอะไร คิดอะไรก็มักจะใช้ข้อมูลมาตัดสินเยอะ ใช้อารมณ์ค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่ผมก็พยายามจะบาลานซ์นะ ก็จะเป็นคนที่ให้อารมณ์ความรู้สึกมาเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจด้วย ไม่ใช่จะเอาผิดถูกอย่างเดียว ซึ่งหวังก็มีจุดเริ่มต้นเป็นอย่างนั้น แล้วสุดท้ายพัฒนาการของเขาก็จะเข้าใจความเป็นมนุษย์ไปพร้อมๆ กับเม-บอตได้เหมือนกันครับ

เรื่องนี้ถือว่าเปลี่ยนแนวหรือแตกต่างจากการแสดงเรื่องที่ผ่านมายังไงบ้าง

ไม่เคยเล่นไซไฟ ไม่เคยต้องถ่ายห้องกรีนที่แบบเขียวหมดเลย อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่เราท้าทายแล้วก็ทำให้เราอยากกระโดดลงมาแจมกับโปรเจกต์นี้หลักๆ เลยนะ แล้วก็ได้ร่วมงานกับ “พี่มะเดี่ยว” ด้วย ผมว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างแปลกใหม่แล้วก็ยาก แล้วก็เป็นคาแร็กเตอร์ที่ต้องทำการบ้านพอสมควรที่จะสามารถเล่าข้อมูลให้คนฟังเข้าใจ สามารถทำตัวแบบนี้ให้คนรู้สึกเข้าใจเรา แล้วก็มีความหมั่นไส้เราด้วย แล้วก็มีความอยากเป็นเราด้วย จริงๆ ในพาร์ตรอมคอมมันก็อาจจะเป็นพาร์ตหลักๆ ที่เคยเล่นมาในหลายๆ 

เรื่องแหละ ทุกๆ เรื่องมันก็มีความตลก ความน่ารัก ความไรงี้ แต่เรื่องนี้ด้วยคาแร็กเตอร์แบบนี้ มันก็เป็นอีกหนึ่งคาแร็กเตอร์ที่น่าสนใจและสนุก ก็คงเป็นบิสซิเนสแมนมากขึ้น เป็นคนที่จริงจังกับการทำงานมากขึ้น แล้วก็หัวก้าวหน้า หัวทันสมัย คุยกันด้วยชุดข้อมูลมากขึ้นอะไรงี้ครับ

ความยาก-ง่ายในการแสดงเรื่องนี้ 

ความยากมันคือทำยังไงให้เห็นว่าเราเข้าใจในสิ่งนั้นจริงๆ นะ คือตอนผมได้ข้อมูลครั้งแรก ตอนผมอ่านบท คือมันแบบมันเยอะมาก มันมีแต่ดาต้า (Data) จนต้องไปนั่งกับ “พี่มะเดี่ยว” แล้วให้อธิบายหน่อยว่าโค้ดนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง คือคุยกันในระดับเขียนโค้ดเลยนะ ซึ่งพี่มะแกแบบเรียนจบเขียนโค้ดมาเหมือนกัน แกมีความรู้ แกก็ต้องอธิบายเลยว่าเราเริ่มจากอะไร ทำยังไง คือผมต้องเข้าใจในระบบมันเลย ถึงจะสามารถเล่าออกมาได้ แล้วหลายๆ ซีนมันก็คือสิ่งที่เราต้องมีความเข้าใจประมาณหนึ่งเลยครับ

ซีนอารมณ์ก็ค่อนข้างหลากหลายละกัน มีทั้งในพาร์ตของธุรกิจด้วย พาร์ตของความรักกับ “ยี่หวา” ด้วย แล้วก็ความผูกพันกับ “เม-บอต” ด้วย มันก็จะมีความแตกต่างกันเยอะ ความท้าทายก็ต่างกัน อย่างของยี่หวาจะเป็นการที่เราเข้ามากลางความสัมพันธ์ของเขาอย่างนี้ มันก็ต้องมีจุดที่สู้เพื่อตัวเองแล้วก็วางสถานะของเขาสองคนให้เราก็มีความสุขที่เห็นเขามีความสุขกัน แล้วเราก็มีความสุขที่เขาเข้ามาหาเรา มันอาจจะมีคอนฟลิกต์ (Conflict) ตรงนี้ที่เราต้องไปทำการบ้านด้วย แล้วก็อีกอย่างหนึ่งที่ยากก็คือความสัมพันธ์กับ AI ถ้าส่วนตัวเราก็คงไม่ได้รู้สึกอะไรกับมัน แต่ว่าในฐานะผู้สร้างขึ้นมาเราก็ต้องไปหาจุดนั้นตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดไคลแมกซ์ซึ่งมันก็จะมีความพีกๆ เหมือนกันนะ

เรื่องความกดดันนี่จะกดดันตัวเองมากกว่า เรื่องนี้กับคนอื่นเราสบายมาก รู้สึกชิลล์มาก แล้วเราก็พยายามเป็นตัวละครอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งความเป็นตัวละครอย่างเป็นธรรมชาติมันเลยกดดันว่าอย่างที่บอกว่าไดอะล็อกมันยากแล้วก็ข้อมูลมันเยอะ ฉะนั้นเราก็ต้องเชื่อมันจริงๆ ต้องศึกษา เรางมอยู่กับมันเยอะมากในการพูดแต่ละคำให้คนเชื่อว่าเราเป็นคนพัฒนาสิ่งนี้ขึ้นมาจริงๆ แล้วมันก็นำใช้จริงๆ อย่างเช่น “เบื่อมั้ยครับกับการติดดอย ‘Me Coin-มีคอยน์ จะช่วยคุณไม่ติดดอย ง่ายๆ ครับแค่มาเทรดกับเรา การเทรดกับเรานั้นง่ายๆ ไม่ว่าคุณจะเทรดเหรียญสกุลอะไร เราก็จะส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ส่งตรงให้คุณเพื่อเป็นการชี้นำในการลงทุนได้แม่นยำยิ่งขึ้น อะไรประมาณนี้ครับ ก็ค่อนข้างห่างจากตัวจริงเลย โอเค เราเล่นเหรียญ เรารู้จักเมตาเวิร์ส เล่น NFT แต่ว่าเราไม่เคยต้องมาพูดขายแบบนี้ รวมถึงไม่ต้องมาอธิบายว่ามันคืออะไร เมตาเวิร์สคืออะไร ก็รู้มันคืออะไร แต่มันอธิบายยังไงดี แล้วในเรื่องต้องอธิบายให้ตัวละคร “พี่แอนนา” กับ “พี่ต๊งเหน่ง” ฟังงี้ 

การร่วมงานกับทีมนักแสดงในเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง

เอาแก๊ง 3 คนก่อนละกัน แก๊ง 3 คน “พี่เกรท-พลอย-มีน” เป็นแก๊งวัยรุ่นที่อายุใกล้ๆ กัน ผมว่ามันคุยกันง่าย จูนกันง่าย แล้วก็แต่ละคนก็จะมีคาแร็กเตอร์ที่ค่อนข้างต่างกัน แล้วก็ค่อนข้างเกือบจะตรงกับตัวเรื่องเลยอะไรงี้ ทำให้การทำความเข้าใจตัวละครก็ง่ายไปด้วย แล้วพอเจอกันทุกๆ คนก็ทำการบ้านมาอย่างดี แล้วก็เตรียมพร้อมที่จะแบบมาใส่กัน รวมถึงนักแสดงรุ่นใหญ่หลายๆ คนที่มาร่วมในฉากด้วย คือทุกคนไม่มีใครมาเพื่อเล่นๆ ไป ทุกคนคือมาแล้วก็แบบใส่ความเป็นตัวละคร ใส่คาแร็กเตอร์ดีไซน์ของตัวเองเข้าไป ทุกซีน มันเลยสนุกแล้วก็ตื่นเต้นว่าเราจะได้เจออะไร จะได้ดูแอ็กติงแบบไหน จะได้รับส่งยังไงอะไรงี้ครับ ทุกอย่างมันสนุกมาก

การร่วมงานกับผู้กำกับ “มะเดี่ยว ชูเกียรติ” เป็นยังไง 

ก็ครั้งแรกเลยฮะ รู้จัก “พี่มะเดี่ยว” ติดตามผลงานแกมานานนะ ทั้งในฐานะผู้กำกับ และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิต่างๆ นะ ก็อยากจะมีโอกาสร่วมงาน ก่อนหน้านี้รู้ว่าแกพยายามจะพัฒนาวงการไซไฟประเทศนี้ แกแบบอยากโชว์ความสามารถด้าน CG ของแก แล้วพอเราได้เห็นบทนี้ครั้งแรกพร้อมๆ กับการที่เจอตัวกับพี่มะ วันนั้นพี่มะชวนไปกินข้าวแล้วก็นั่งคุยกันว่าจะมีโปรเจกต์แบบนี้ๆ เกิดขึ้น ได้ฟังครั้งแรกตื่นเต้นมาก ก็เลยรู้สึกว่าเขาน่าจะเป็นอีกคนหนึ่งที่สร้างพลังงานดีๆ ให้กับตัวเรา แล้วเขาก็เป็นอีกหนึ่งคนที่พยายามผลักดันแล้วก็เปลี่ยนแปลงวงการภาพยนตร์ไทยมาตลอด แล้วก็หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอีกขั้นหนึ่งของวงการที่พัฒนาให้คนไทยยอมรับงานไซไฟไทย ยอมรับในความสนุกแบบอนาคตอะไรอย่างงี้ครับ

ความเป็นไซไฟในเรื่องนี้

ผมว่าพอพูดว่าหนังไซไฟ ทุกคนก็จะกลัวว่าแบบนี้คนไทยมันจะทำถึงไหนมั้ยวะ CG มันจะได้เหรออะไรอย่างงี้ ตอนแรกที่ผมอ่านบทผมก็คิดไปต่างๆ นานาว่ามันจะเป็นยังไง มันต้องอย่างนั้นอย่างนี้ แสงสี ซีจียังไง แต่สุดท้ายพอเข้าใจเนื้อเรื่อง แล้วก็พอได้ถ่ายจริงๆ ลองเห็น Key Visual ที่เขาลองทำออกมา สุดท้ายแล้วมัน Simple มาก คือมัน Base On ยุคปัจจุบัน วันที่เราถ่ายมันคือเมื่อประมาณเกือบปีที่แล้ว ทุกวันนี้มันก็มีสิ่งที่ใกล้มาก มีแบบ Chat GPT มีโปรแกรมแชตบอตที่สามารถโต้ตอบ เราคุยกับบอตได้แล้ว มีคนทำแว่นแบบ VR มาแล้ว เราว่ามันเป็นอนาคตที่ใกล้ แล้วทุกคนน่าจะเข้าใจมันและก็เห็นภาพมันได้ง่ายขึ้น เราก็เลยคิดว่าสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นไซไฟหรืออะไรก็ตาม อยากให้คุณกลับมาอยู่ที่แก่นของมันก็คือ “ความเป็นมนุษย์” ความเป็นธรรมดาแล้วก็เป็นชีวิตของคนทั่วไปที่ไม่ได้หวือหวาอะไร 

ผมว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ภาพใหญ่ๆ ที่คนเห็นอาจจะรู้สึกว่ามันคือหนังเทคโนโลยี หนังอนาคต แต่สุดท้ายแล้วทั้งหมดมันถูกขับเคลื่อนไปสู่สิ่งเดียวก็คือการใช้ชีวิตประจำวันของคน ฉะนั้นหนังเรื่องนี้มันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของใครบางคน หรือว่าสุดท้ายแล้วกลับมาพูดถึงเรื่องง่ายๆ ที่พูดถึงความสัมพันธ์ว่าเทคโนโลยีมันเติบโตขึ้นไป มันทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น รวดเร็วมากขึ้น หาคำตอบได้ง่ายขึ้น แต่คำตอบของความสัมพันธ์สุดท้ายแล้วเราต้องคิดมาจากมุมไหน ถามใคร หรือปรึกษาใจตัวเอง มันก็จะมีคำถามคำตอบอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่อยากให้หลายๆ คนไปดูแล้วคงจะได้แนวคิดอะไรที่ต่างกันออกไป

ชีวิตจริงติดโซเชียลมากน้อยแค่ไหน

เป็นคนสนใจสถานการณ์บ้านเมือง สถานการณ์โลกละกัน ในโซเชียลฟีดเราก็จะมีข่าว มีกีฬาซะเยอะ แต่ว่าถ้าเป็น Social แบบอัปรูป คุยกับเพื่อนไรงี้ไม่ค่อย คือจะเป็นคนที่ไม่ค่อยอัปเดตชีวิตตัวเองลงโซเชียลเท่าไหร่นัก หรือว่าเวลาพูดคุยกับเพื่อนก็ชอบแบบโทรศัพท์คุยกัน จบเรื่องก็วาง ไม่ได้แบบคุยกันยาวๆ ไม่ได้แบบโพสต์ว่าวันนี้อยู่นี่นะ ฉันไปเที่ยวที่นี่อะไรงี้ เป็นคนที่ไม่ค่อยได้อัปเดตชีวิตตัวเองขนาดนั้น เป็นคนที่ติดตามข่าวสารบ้านเมือง ใช้โซเชียลในการติดตามข่าวสารมากกว่า

ถ้ามี “May-Bot ออกมาจริง ส่วนตัวจะลองใช้มั้ย

ใช้แน่นอนฮะ ผมต้องเป็น Membership แน่นอน คือเขาช่วยได้ทุกอย่างจริงๆ นะ ในมุมมองของผม ผมมองกลับไปที่ “เม-บอต” ละกัน ผมมองว่าเขาก็คงให้ทางเลือกเราอย่างน้อยๆ ไม่ว่าเราจะเลือกทางเลือกนั้นไหม แต่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ 

ฉากไฮไลต์หรือฉากประทับใจ

ทั้งหมดเลยนะชอบห้องกรีนสุด ไม่เคยถ่ายห้องกรีน แล้วก็เราว่ามันทำงานค่อนข้างตื่นเต้น แล้วก็ต้องใช้จินตนาการเยอะพอสมควร ลองนึกภาพข้างหลังเป็นสีเขียวหมดเลย แล้วผมต้องเล่นเหมือนว่ามีสิ่งนี้อยู่ตรงนี้ มีคำนี้ขึ้นมาตรงนี้อะไรอย่างงี้ มันก็จะเป็นความยากของนักแสดงระดับหนึ่ง ถ้าเป็นพวกซีนพรีเซนต์นะ ผมให้ยากแบบ 8 เต็ม 10 เลย เพราะว่าเราไม่มีทางรู้เลยว่าสุดท้ายแล้วภาพมันจะออกมาเป็นยังไง แม้ว่าเขาจะมีตัวอย่างให้เราดูนะ เดี๋ยวจะมีอันนี้ขึ้นมาตรงนี้ๆ แต่พอถึงเวลาเราไม่รู้ว่ากล้องมันใหญ่แค่ไหน ชูมือไปตรงนี้ได้ไหม แบบอย่าลืมกดตรงนี้นะ เราก็ต้องแบบพยายามวางแผนมันให้ดี แล้วก็อธิบายมันให้ชัดเจน ให้มันเคลียร์ อันนี้ก็จะเป็นจุดยากของตัวหวัง 

จุดขายและความน่าสนใจโดยรวมของเรื่องนี้ 

ผมว่าหนังเรื่องนี้มันเป็นหนังรักรอมคอมที่ผสมไซไฟ มีกลิ่นของความเป็นยุคสมัย กลิ่นของอนาคต กลิ่นของเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนสำคัญที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ไปยังไง นอกจากนี้มันก็ยังเป็นหนังครอบครัวที่กลับมาพูดเรื่องราวเบสิกๆ ด้วยท่ายากๆ ด้วยท่าที่มันใหม่ มันน่าสนใจ ความสัมพันธ์ที่หลากหลายแล้วก็การตัดสินใจที่ยากลำบากในชีวิตวัยรุ่นวัยทำงาน

แล้วก็อยากให้ทุกคนรู้ว่าสุดท้ายแล้วในวันนี้หรือพรุ่งนี้ที่เทคโนโลยีมันพัฒนาขึ้น เราสามารถหาคำตอบได้รวดเร็วขึ้นง่ายขึ้นแล้วก็ชัดเจนขึ้นเนี่ย สุดท้ายแล้วคำตอบของความสัมพันธ์มันจะหาได้จากชุดข้อมูลเหล่านี้หรือเปล่า หาได้จากผู้ช่วยเหล่านี้หรือเปล่า สุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ของเรามันจะขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีมากน้อยแค่ไหน ฝากทุกคนด้วยครับ MONDO รัก | โพสต์ | ลบ | ลืม” 10 สิงหาคมนี้ ที่โรงภาพยนตร์ครับ