KAZZ Selected : คนธรรมดาที่มองความปกติด้วยมุมปกติ “อาย – กมลเนตร เรืองศรี”

  • กมลเนตร เป็นชื่อที่มีความหมายว่า “ตางามดุจดอกบัว” (เราเสิร์ชจากเว็บไซต์) ซึ่งสอดคล้องกับชื่อเล่นของเธอ “อาย” (Eye) และคุณคงไม่แปลกใจถ้าเราจะบอกว่า “ดวงตา” เป็นอวัยวะโปรดของคุณกมลเนตรเขา
  • อาย กมลเนตร ข้ามผ่านวัยเบญจเพสมาแล้ว 1 ปี และกำลังจะอายุครบ 27 แล้วในอนาคตอันใกล้ ส่วนอายเกิดเดือนอะไรนั้น เราใบ้ให้ว่าเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของปี
  • ผลงานของอายกำลังออนแอร์ทางช่องสามเฮชดี เรื่องนี้เธอเล่นคู่กับเด่นคุณ ขอบอกว่าน่ากลัวมาก ชนิดที่ต้องปิดตาข้าง และหรี่ตาอีกข้างตอนดู เกือบลืมบอกแหน่ะ ละครเรื่องนี้ชื่อ “เงินปากผี” ซึ่งออกอากาศทุกวันจันทร์ – อังคาร เวลา 20.15 – 22.50 น.
  • การสนทนาระหว่างเราและกมลเนตรในครั้งนี้ใช้เวลานานถึง 37 นาที นับเป็นประวัติศาสตร์การสัมภาษณ์ที่ยาวนานที่สุด และขอบอกเลยว่าเรารู้สึกโคตรน่าอิจฉาที่ได้คุยกับอาย เธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ และสวยจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อเธอเล่าเรื่องราวอย่างลื่นไหล
  • ไม่มีอะไรอีกแล้ว นอกจากจะบอกว่า ขอให้คุณมีความสุขกับอาย กมลเนตร Selected ที่เราแสนภูมิใจนำเสนอ เริ่มได้แล้ว ที่บรรทัดถัดไป 🙂

 

 

PART I

EYE AM FASHIONISTA

 

“ช่วงนี้เราจะหันมาออกกำลังกายค่ะ มาเข้าฟิตเนสจริงจัง ทีนี้พอเราออกกำลังกายมากไป ก็ทำให้เรากล้ามเนื้ออักเสบ”

กล้ามเนื้ออักเสบ ?

“ใช่ เพราะว่าเรายืดน้อยทั้งที่มันควรจะยืด เราเลยกลับมาเล่นโยคะเหมือนเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้อะ ที่เราเล่นก็คือโยคะฟลาย พอโยคะฟลายเสร็จก็พีลาทีส พีลาทีสแมต แล้วก็มาโยคะบ้าง”

“แต่ไอ้ตรงนี้มันไม่ได้เพิ่มกล้ามเนื้อไง เราก็เลยไปยิม แล้วยิมก็ทำให้เราบาดเจ็บ (ยิ้ม) เราก็เลยต้องกลับมาโยคะเหมือนเดิม ทีนี้ก็เลยควบคู่กันไป ทั้งยิมทั้งโยคะ จนเป็นหุ้นส่วนร้านโยคะแล้วอะ เปิดร้านโยคะเองแล้ว (หัวเราะ)”

ถึงขั้นเปิดร้านโยคะนี่ไม่ใช่เล่นๆ แล้วนะ อยู่ดีๆ ทำไมถึงลุกขึ้นมาออกกำลังกายหนัก ก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้อวบนะ

“เราผอมไง ที่หันมาฟิตเนสจริงจังเพราะอยากมีกล้ามเลย ไม่ได้อยากมีกล้ามเหมือนผู้ชาย แค่อยากให้มันดูดีขึ้น ให้มันเฟิร์ม เมื่อก่อนเราก่อนแขนเล็กกว่านี้แหละ แต่เป็นเล็กที่มันไร้คุณภาพ มันไม่ได้ดูดี แล้วมันแต่งตัวไม่สวย”

“จนตอนนี้เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้นที่ต้องใส่เสื้อที่มันโชว์ไหล่ จากเมื่อก่อนเราจะไม่ชอบเลย รู้สึกว่าใส่อะไรก็ได้ปิดไหล่ปิดคอ เราชอบ เสื้อผ้าต้องหลายเลเยอร์ เพราะต้องทำให้เรารู้สึกว่า ตัวใหญ่ ตัวหนา ชอบใส่แขนยาว ชอบใส่คอเต่า ต้องมีอะไรคลุม เราใส่คอเต่าบ่อยมาก เพื่อนที่เป็นสไตลิสต์ชอบบอกว่า อายเป็นดาราที่แต่งตัวเหมือนหน้าหนาวตลอดเวลา (หัวเราะ) ไปเดินสยามเดือนเมษา ก็ใส่คอเต่า เพราะว่าเราต้องปิดจุดด้อยของตัวเอง”

นี่คือเคล็ดลับในการแต่งตัว ?

“ใช่ เราแต่งแบบนั้นเพราะเรารู้จุดด้อยไง แล้วถ้าเรารู้จุดด้อยเราอะ เราก็แก้ไขจุดด้อย แล้วก็เผยจุดเด่นของเรา อย่างเช่นเรารู้ว่าเราขายาว พี่มาร์กี้ (ราศรี บาเล็นซิเอก้า) เคยบอก เฮ้ย แกขายาว แกใส่อะไรสั้นๆ เลย’ แต่สั้นก็ต้องมีเทส นึกออกไหม (หัวเราะ) คือมันก็ต้องดูอะ เราก็ต้องรู้จุดด้อยจุดดีของเราเอง”

Everyday Looks ของอาย

“แล้วแต่วันว่าวันนั้นต้องไปไหน (ยิ้ม) ถ้าวันนั้นไม่ได้ไปไหนเลย กางเกงยีนส์ตัวเก่งที่เราชอบ มันจะเป็นทรงขาบานหน่อย ไม่ก็ม้า กับเสื้อยืดหนึ่งตัว ขาว ดำ เทา มีแค่นี้ คือพอเราออกกำลังกายแล้วอะ เราเริ่มมั่นใจกับท่อนบนของเราแล้ว เราสามารถใส่เสื้อยืดตัวเดียวกับกางเกงยีนส์ตัวเดียวแล้วไปไหนก็ได้”

ตอนนี้เลยมีเดนิมเป็นเป็นไอเทมเด็ด

“ใช่ ณ ตอนนี้ คือมันง่ายที่สุด แต่ว่าถ้าต้องไปไหนหรือไปร่วมงานอะไรที่มันต้องมากขึ้น เราก็ยังเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์เหมือนเดิม แต่ก็ต้องเพิ่มอะไรที่มันอาร์ตๆ หน่อย ใส่เสื้อคลุมสไตล์กิโมโน ให้มันดูมีอะไร มากกว่าแค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ แต่จริงๆ ข้างในหลักๆ ก็เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ (ยิ้ม)”

 

อายมีแฟชันนิสต้าในดวงใจไหม

“เราไม่… อ๋อ” นอกจากปรบมือเสียงดัง อายยังทำหน้าตาตื่นเต้นเหมือนแฟชันนิสต้าในดวงใจมายืนตัวเป็นๆ อยู่ตรงหน้า “คนนี้เราชอบเขาแต่ไม่สามารถแต่งตัวเลียนแบบเขาได้”

“กิโกะ (กิโกะ มิซูฮาร่า) อะ  เป็นโมเดลญี่ปุ่น เราชอบเขาตรงที่ว่าเขาเป็นคนหน้าอกเล็ก แล้วเขาเซ็กซี่ได้ แล้วเรารู้สึกว่าความเซ็กซี่มันไม่ได้อยู่ที่ขนาดหน้าอก มันอยู่ที่แอตติจูด กิโกะเป็นคนที่แอดติจูดเซ็กซี่ ฉันจะเซ็กซี่อะทำไมอะ (ยิ้ม) เราชอบดูสตอรี่เขา”

ลองอธิบายความเซ็กซี่ของกิโกะให้เราฟังหน่อย

“มีอันนึงที่เขาถ่ายตัวเองกับกระจก ขณะเช็ดตา เหมือนว่าไปถ่ายแบบอะไรมา แล้วก็เอาสำลีอะ เช็ดตา เราก็นั่งดูไปแล้วก็แบบ ทำไมเซ็กซี่จังวะ คือคนบ้าอะไร ทำไมอะ คือแค่เช็ดตาอะ ทำไมอินเนอร์เซ็กซี่ขนาดนี้ แล้วการเซ็กซี่ของเขามัน…”

มีเทส ?

“มันๆๆๆ มันอยู่ในความน่ารัก แล้วมันดูมีเทส ใช่ มันดูแฟชันอะ ที่แบบแฟชันจังเลย กิโกะเป็นคนกล้ามาก ในการแต่งตัว มีสตอรี่อันนึง นางไปเลือกซื้อตู้เย็น แล้วตรงนี้มันเป็นกระจก ที่เหมือนเป็นรีเฟล็กอะ แล้วนางก็ ปื๊บ… โนบราจ้ะ เราก็คิดว่า อะ อย่างนี้เราทำตามไม่ได้ แต่ว่าเราชอบแอดติจูดเขา (ยิ้ม)”

โอเค แต่งตัวแรงเท่ากิโกะอาจจะยังไม่กล้า แต่ลุคที่แรงที่สุดของอายล่ะ ประมาณไหน

“อืม…” อายคิดนาน “ยังไม่ค่อยกล้าเท่าไรเลย”

โอเค งั้น… เราจะเรียกการแต่งตัวของอายว่าสไตล์อะไรดี ใสใสวัยรุ่นชอบ ?

“อายสไตล์ (หัวเราะ)” อายเล่นมุกด้วยชื่อของนักวิทยาศาสตร์ อัลเบิร์ต ไอสไตน์

“ไม่รู้ดิ มันง่ายอะ แบบที่คนสามารถแต่งตามได้ เราอาจจะเห็นรูปเราแปะอยู่ตามตลาดนัด ร้านขายเสื้อผ้า คือแบบว่าเซฟรูปเราไปอะ นึกออกปะ

นึกออกๆ เป็นลุคที่ดูจับต้องได้ง่าย พบอายได้ทุกร้านเสื้อผ้า งี้ป่าว

 “(หัวเราะ) บางทีมีเพื่อนถ่ายรูปส่งมา แล้วมันขำอย่างหนึ่งคือ เวลาเราใส่แบรนด์ให้รุ่นน้องที่เป็นดีไซเนอร์ไทยอะ แล้วเราก็ถ่ายลงให้เพื่อนใช่มะ แล้วก็มีร้านค้าในไอจี เอารูปเรานั่นแหละ ไปแปะในไอจีเขา แล้วก็บอกว่า Made in Korea แปดร้อยเก้าสิบ เกรดเอ คือก็อปเกรดเอ น้องก็บอกว่าเจ้สั่งให้หน่อย 890 บาทอะมันจะดีเท่าไหม (หัวเราะ) แล้วเข้าไปดูนะ มีรูปพี่อั้ม พี่นุ่น ที่ใส่แบรนด์น้องอะ แล้วเอาลายน้ำมาแปะทับตัวเราว่าเมดอินโคเรีย เอ้อ… อึ้ง”

เวรกรรมของไทยดีไซเนอร์

“เราอะไม่เท่าไร แต่ว่าสงสารคนที่เป็นเจ้าของแบรนด์ เพราะว่าน้องๆ เขา กว่าจะเป็นตัวหนึ่งเนี่ย มันมีค่าดีไซเนอร์ ค่าอะไรมากมาย แต่ก็เข้าใจหลายๆ คนก็อยากจะใส่ไง เอาเลยจ้า 890 เราก็ขำๆ ไป แต่ก็สงสารเจ้าของแบรนด์”

 

PART II

KAMOL N.E.D (New Everyday Denim)

 

แบรนด์กางเกงยีนส์ของกมลเนตร (และเพื่อนๆ) ที่ชื่อว่า “N.E.D” (อ่านว่า เอ็น อี ดี)

“N.E.D มันย่อมาจาก New Everyday Denim (ยิ้ม) เพราะเรามองว่า กางเกงยีนส์อะ มันได้ตลอด มันไม่มีวันตาย ยังไงวันนึงเราก็เอากลับมาเล่นได้อีก กระโปรงยีนส์ยาว กระโปรงยีนส์สั้น เดรสบ้าง เสื้อเชิ้ต หรืออะไร ไอเทมยีนส์เราว่า ไม่ตายจริงๆ”

“และอีกอย่าง N.E.D เนี่ย มันตกเลข 14 คือมันเฮง (หัวเราะ) มันมีเว็บไซต์ที่เราสามารถเช็กว่า ถ้าเราตั้งชื่ออะไร มันจะตกเลขอะไร ดีไหม อะไรอย่างเนี้ยะ 4 คนนี้เป็นคนปฏิบัติธรรมเหมือนกันหมด แต่ เชื่อ เรื่อง นี้ ด้วย” อายเน้นเสียง “งงมะ มันมีความย้อนแย้ง เอ๊ ปฏิบัติธรรมมันก็ต้องเชื่อในเหตุและผล แต่เราก็ อะ ก็ขอให้ทำมาค้าขึ้น (หัวเราะ) นึกออกมะ”

สมาชิกสายธรรมะ 4 มาร่วมกันทำ “N.E.D” ได้ยังไง ธรรมะกับกางเกงยีนส์ เกี่ยวกันไหม

“คือมันเริ่มมาจากไปงานบวช (หัวเราะ) ก็นั่งคุยกัน กับสมาชิก 4 คน แล้วคุยไปคุยมา พี่คนนึง เป็นเจ้าของโรงงานกางเกงยีนส์ ซึ่งก็ทำกางเกงยีนส์มาสิบๆ ปีละ จนเหมือนเขาทำจนอิ่มตัว  เขามาเจอเรา กับพี่อีกคนหนึ่งที่เหมือนเป็นเด็กเจนนี้ เป็นคนที่ใช้สื่อได้มาก เราก็เลย ‘เฮ้ย เราลองมาทำอะไรด้วยกันไหม’ คือเราก็อยากมีไอเทม ลองคุยกัน แล้วก็กลายเป็นหุ้นส่วน 4 คน ที่เรามีกางเกงยีนส์เป็นของตัวเอง การที่มีคนมีประสบการณ์อยู่ในทีมด้วย มันดีตรงที่เราก็สามารถทำโดยที่ไม่ต้องไปตบตีกับช่าง คนที่ทำเสื้อผ้าขายจะรู้เลย ปัญหาของการทำคือเรื่องช่าง ทีนี้เราไม่ต้องมีปัญหาตรงนั้น เราก็เลยทำออกมารุ่นนึงก่อน 001 เอาแบบง่ายๆ เบสิก”

ปรากฏว่าผลตอบรับ

“โอ้โฮ ขายได้ดีมาก” อายปรบมือเสียงดัง “ตอนแรกเราก็ไม่มั่นใจว่าใครจะมาซื้อกางเกงยีนส์ในไอจี มันยากมากนะ คือเราคนนึง เราไม่ซื้อแน่อะ เราต้องลองสิ แต่พี่อีกคนนึงคือเขามั่นใจมากว่าเขาขายของได้”

เมื่อเปลี่ยนจากคนซื้อ ซึ่งไม่ซื้อกางเกงยีนส์ในไอจีด้วย มาเป็นคนขาย อะไรที่ทำให้ผลตอบรับเราออกมาดีขนาดนี้

“เราบริการดีมาก คือขายของ 1,900 แต่บริการเหมือนของเรา 19,000 (ยิ้ม) เราบอกดีเทลทุกอย่าง ลูกค้าถามอะไรเราตอบหมด คือเราเข้าใจว่าถ้าเราเป็นลูกค้าอะ เราอยากจะได้อะไรจากแม่ค้า บางทีลูกค้าจะบอกว่าอย่าเหวี่ยงนะคะแม่ค้า บางทีเขาเจอแม่ค้าเหวี่ยงอะ ถามอยู่นั่นแหละ แต่สำหรับเรา ไม่ คือถ้าเขาได้ของไปอะ เขาต้องมั่นใจ แล้วต้องใส่จริง ปรากฏพอทำออกมาดีก็ขายดี”

ซื้อขายของสมัยนี้มันต้องมีรีวิวแหละ ลูกค้ารีวิว N.E.D ให้ฟังว่าไงบ้าง

“เราก็มีส่งให้พี่แอน ทองประสมใส่ พี่แอนชอบมาก (ยิ้ม) เวลาส่งมาก็จะ ‘น้องคะ กางเกงน้องใส่แล้วเลื้อยพระเอกได้ดีมากค่ะ’ แล้วก็ส่งรูปตอนเลื้อยเจมส์ มาร์ มาให้ดู (หัวเราะ) เราก็แฮปปี้อะ พี่แอนใส่ให้ตลอด”

 

 

คอนเซปต์ของ N.E.D

“ทางแบรนด์บอกว่ายังไงก็เจาะกลุ่มตลาด Mass แต่เราอะ ก็ยังอยากจะขอเหอะ (ยิ้ม) ขออะไรที่มันเป็นเรา เลยทำเป็นลิมิเต็ดอิดิชัน”

มีความลิมิเต็ดอิดิชัน

“ซึ่งอันนั้นมันลิมิเต็ดจริงๆ เพราะมันได้ผ้ามาจากญี่ปุ่น แล้วมันได้แค่ 77 ตัว มันก็เลยกลายเป็นลิมิเต็ด (หัวเราะ) เป็นม้าน้อย” เพิ่มความเอ็นดูในน้ำเสียงเมื่อพูดถึงชื่อรุ่นกางเกงยีนส์ ‘ม้าน้อย’

“แล้วเราจะตั้งชื่อรุ่นลิมิเต็ด เป็นม้าน้อย ม้าหมุน จริงๆ มันคือกางเกงขาม้า (ยิ้ม) คือลูกค้าหลายๆ คน เขาก็จะจำชื่อได้หมดเลยอะ อย่างบานชื่น ก็คือกางเกงขาบาน บานฉ่ำ บานเช้า บานเย็น ลูกค้าโคตรชอบ บอกว่าไม่มีใครทำอะไรแบบนี้อะพี่ ไม่มีใครมาทำชื่อรุ่นกางเกงยีนส์แบบนี้หรอก”

STORY OF THE ‘ม้า’

“ล่าสุดไปถ่ายแบบมาที่เชียงใหม่ แล้วไปยืนที่ ‘ห้วยตึงเฒ่า’ แล้วถ่ายม้าอยู่ คิดชื่อขึ้นมา ม้าน้ำ ม้าน้ำ! (เสียงดัง) ไปยืนอยู่ตรงนั้น! ก็กลายเป็นม้าน้ำขึ้นมา เออเลิฟว่ะ”

 

 

PART III

#Greenkamolned

 

แฮชแท็กที่ยังแอ็กทีฟอยู่เสมอ อายเล่าเรื่องของ #Greenkamolned ให้เราฟังหน่อย

“โอ้โฮ ไม่เคยมีใครสัมภาษณ์เรื่องนี้เลยอะ ดีใจมาก”

           

#Greenkamolned มันมีที่มาและความสำคัญอย่างไร ถามเหมือนเป็นหัวข้อวิจัยเลยให้ตายเถอะ

“(หัวเราะ) มันมาจากตอนที่เราเรียนอยู่มหา’ลัย แล้วเราอยู่คอนโด มันก็ปลูกอะไรไม่ได้ ก็ต้องไอ้พวกแค็กตัสนี่แหละที่มันจะมีชีวิตอยู่ได้ในพื้นที่ของเรา ก็ค่อยๆ เลี้ยงมา ตอนแรกซื้อมา 8 คน ต้นละ 10 บาท 20 บาท ถูกๆ อะ ไม่ค่อยมีความรู้อะไร แล้วก็ซื้อถาดซื้ออะไรมาใส่ ดูแลเขา ค่อยๆ ไป แล้วทีนี้พอมันโตขึ้น ออกดอก แตกผล มีเมล็ดให้เรามาเพาะได้ต่อ ก็แฮปปี้”

สมาชิกแรกตั้งทั้ง 8 มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง

“ตายหมดละ” อายทำหน้าเศร้า “เหลืออยู่ 1 ต้น ที่ยังอยู่ แต่ว่าไอ้ #Greenkamolned ตอนนี้ที่มีก็มีซื้อมาบ้าง เพาะเองบ้าง แต่ล็อตแรกน่ะเหลือแค่ต้นเดียว จากแค่เล็กๆ ตอนนี้ใหญ่ละ เป็นยิมโนฯ ออกดอกทีสวยเลยอะ โห มีความสุขมาก เลี้ยงมา 5 ปี ออกดอกหนึ่งครั้ง (หัวเราะ)”

จากใจคุณแม่อายอายส์ ถึงลูกๆ กรีนกมลเนตร

“มัน… มันน่ารักมาก” ตาเป็นประกาย “คือเราสามารถอยู่กับมันได้เป็นชั่วโมงๆ ต่อวันเลยนะ นั่งดูต้น นั่งดูแดด ‘เฮ้ย ตัวนี้มันเริ่มโดนแดดน้อยหรือยัง’ แดดน้อยมันจะยืดหาแสง ถ้าแดดมากไปมันจะเริ่มม่วง คล้ำ แล้วแต่พันธุ์ แล้วแต่แบบด้วย”

อ้อ ลืมถาม ทำไมอายถึงชอบปลูกต้นไม้นะ

“เรารู้สึกว่าการปลูกต้นไม้มันเหมือนการทำการทดลองอย่างหนึ่งน่ะ” อายยิ้ม “ที่เราอยากให้ผลการทดลองออกมาดี แต่ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงเราก็จะยอมรับ แล้วเราก็รู้สึกว่า บางทีมันยืด มันเสียฟอร์ม แต่เราก็จะเลี้ยงเขาต่อไปเรื่อยๆ”

“เออ ก็จนกว่าจะตายจากกันไป”

 

 

Part IV

LOOK INTO MY EYES

 

อาย กมลเนตร เล่นละครผี (เงินปากผี ขณะนี้กำลังออนแอร์) อายกลัวผีไหม ?

“อย่าเจอกันจะดีกว่า” อายหัวเราะ ไม่ยอมตอบว่ากลัวหรือไม่กลัว

ถ้าไม่ใช่ผี แล้วอาย กมลเนตร กลัวอะไรมากที่สุด

“เรากลัวสิ่งที่มนุษย์กำลังคิดตอนนี้” อายหยุดพูดครู่หนึ่งเหมือนใช้ความคิด ก่อนจะเริ่มเล่ายาว

“เราว่ามนุษย์กำลังมองสิ่งที่ผิด และทำกันอย่างปกติอะ จนมันเป็นสิ่งที่ถูก อันนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก และมันทำให้คนที่ทำในสิ่งที่ถูกกลายเป็นแกะดำ แล้วคุณก็จะกลายเป็นคนที่มันแปลกแยก โดยที่คนก็อยากจะเป็นคนปกติ โดยการทำสิ่งที่ผิดเป็นปกติ และนี่มันเป็นยุคที่เป็นแบบนี้จริงๆ อะ ถ้าเราไม่เลิกจากเจนเราตรงนี้อะ อนาคตลูกหลานเราจะเป็นยังไง”

“เรากำลังถูกครอบงำด้วยเทคโนโลยีที่มันถูกพัฒนาขึ้น ตรงข้าม จิตใจคนเรามันสวนทางกันนะ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตใจ รวมทั้งฝนที่ตกอยู่ตอนนี้อะ คือฝนที่มันตกในช่วงเวลานี้ มันผิด มันผิดมากเลย แล้วมันมาจากอะไร มันมาจากคนปกติที่ทำผิดจนปกติอะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ถุงพลาสติกจนมันโอ้โฮ เยอะมาก”

“เราเป็นคนที่ไม่ใช้ถุงพลาสติกนะ ถ้าเราไปซื้อของ อะไรที่เราใช้ถุงผ้าได้ เราก็จะไม่ใช้ถุงพลาสติก เราไม่รู้ว่าเราจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน แต่เราไม่อยากรับมันมา ตอนแรกเรารับมาก็ ‘เออ เราอยากเอาไปใส่ขยะในบ้าน’ จนตอนนี้มันล้นไปหมดแล้วอะ ถุงพลาสติกที่บ้านมันเยอะมาก ดูพวกคลิปวิดีโอที่ตอนนี้ ถุงพลาสติกมันลอย ลอย ลอย เต็มไปหมด แล้วมันกำจัดยากมาก แต่คนก็ยังใช้กันเป็นปกติ อันนี้คือแค่ตัวอย่างเดียวนะ ง่ายๆ ส่งผลถึงอะไร ส่งผลถึงสภาพอากาศ คนกรุงเทพฯ อาจจะดีใจ เดี๋ยวจะหนาว แต่เฮ้ย เฮลโหล 5 ปีต่อจากนี้ 10 ปีต่อจากนี้ จะเป็นยังไงอะ เราไม่มีทางรู้เลยอะ เออแบบหมีขั้วโลกก็ไม่ได้มีชีวิตดีเหมือนเมื่อก่อนแล้วอะ ทั้งหมดนี้มันมาจากอะไร มันมาจากคนปกติที่ทำความผิดจนเป็นปกติไปแล้ว”

อืม การเริ่มต้นทำสิ่งที่ถูกคือหนทางเดียวที่จะแก้สิ่งที่ผิดได้…

“เมื่อก่อนเรากลัวการเริ่มต้นใหม่ค่ะ คิดว่าการที่เป็นอยู่อย่างนี้น่ะ ดีแล้ว ผิดเพี้ยนจากตรงนี้ไป จะเป็นยังไงต่อว้า แต่สุดท้ายแล้วไม่มีใครที่อยู่อย่างเดิมได้ตลอดน่ะ คนมันต้องมีวันเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม สิ่งอื่นเปลี่ยน หรือแม้กระทั่งตัวเราที่เปลี่ยน เราก็เลยเรียนรู้บางอย่างจากการเปลี่ยนแปลงในชีวิตว่า ไม่ต้องกลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะมันมีสัญญาณบางอย่างบอกเราว่าชีวิตเรากำลังจะต้องไปอีกหนึ่งสเต็ป ที่แตกต่างไปจากเดิม จะดีหรือไม่ดีก็ไม่รู้ แต่มันจะไม่เหมือนเดิม”

“อนาคตมันจะดีได้จากเรานี่แหละ เราต้องทำ เราเชื่ออย่างนี้จริงๆ”

อายคงเคยได้ยินคนบอกว่าอายติสท์

“…”

แล้วสำหรับอายล่ะ อะไรคือติสท์ แล้วอายติสท์ไหม

“ไม่ติสท์นะ เนี่ย ติสท์มะ จากที่นั่งคุย” อายยิ้ม

“เพียงแต่เราแค่มีความชอบอะไรแบบนี้อะ ซึ่งเราว่ามันก็ปกติมากเลยนะ”

 

 

PART V

MY MASTERPIECE

 

อยู่ในวงการมาแล้วสักพัก ทำงานมาก็หลายชิ้น มีอันไหนบ้างที่อายรู้สึกว่าชอบมาก

“ที่ชอบเลย ‘ชาติพยัคฆ์’ ค่ะ”

“อีกเรื่องคือ ‘The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ’ อย่างที่บอกว่าเป็นละครเรื่องแรกของเรา แล้วมีการเล่นกับ CG คือมันยากมากอะสำหรับเด็กใหม่ที่ไม่รู้อะไรเลย แต่พอมันผ่านตรงนั้นมาได้แล้วเราก็เลยโอเคขึ้น” อายหยุดเงียบไปพักหนึ่ง คล้ายพยายามคัดเลือกผลงานที่ชอบ

“เราได้เล่นเป็นทาสเหมือนกันในเรื่อง ‘ลูกทาส’ แล้วก็ ‘ชาติพยัคฆ์’ แต่ว่าชอบความเรียลเเละดิบของทีมงานเมตตามหานิยม ในเมื่อคุณเล่นเป็นทาส คุณก็ต้องตัวดำ จะมาห่วงสวยไม่ได้ คือตรงนี้อะ ทำให้เราต้องคุยกับตัวเองจริงๆ ว่าจะเล่นจริงๆ ใช่ไหม ทั้งๆ ที่เราก็เคยเราเป็นทาสมาแล้วนะ เป็น ‘บุญเจิม’ ใน ‘ลูกทาส’ ซึ่งโพสิชันของตัวละครเหมือนกัน คือเป็นคู่สอง ที่แอบรักพระเอก แล้วสุดท้ายคือพระเอกต้องลงเอยกับนางเอก มันเหมือนกันมากอะ แต่เราในฐานะนักแสดง จะทำยังไงให้เราเป็น ‘บัว’ แล้วให้คนลืม ‘บุญเจิม’ มันเป็นงานที่ยากมากสำหรับเรา”

“ตั้งแต่วันฟิตติง เราขี้เหร่มากเลย มากที่สุดตั้งแต่เล่นละครมา ทำผมแต่งหน้าเสร็จไม่กล้าส่องกระจกเลยอะ มันไม่ชินกับตัวเอง รับตัวเองไม่ได้ ทำผมทรงดอกกระทุ่มแบบเซอร์ๆ อะ คือมันไม่มีความเรียบร้อยเลย เราเป็นทาส เราตัวดำ แล้วเราก็ผอมมากอีก ทำให้เราดูเหมือนทาสมาก”

เหมือนจะเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมาณใจที่ต้องเป็นทาสในลุคที่โคตรจะทาส อายได้อะไรจากตรงนั้น

“อืม จากตรงนั้นทำให้เราได้ปรับโฟกัส ว่าจริงๆ แล้วนักแสดงควรจะโฟกัสเรื่องอะไร ถ้าเราโฟกัสแต่เรื่องสวย เราก็จะไม่สามารถมาโฟกัสกับบทหรืออารมณ์ที่ตัวเองต้องพูด ต้องเล่น ซึ่งจริงๆ คือพี่นกได้วางตัวละครทุกตัวไว้ดีมาก ทุกตัวมีบทบาทสำคัญหมด เราสนุก สนุกมาก”

และจาก ‘ชาติพยัคฆ์’ ก็ทำให้อายได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ

“พอเราได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ เราก็เฮ้ย ดีใจมากอะ” อายยิ้มกว้าง “หรือต่อให้เราไม่ได้รับรางวัลเรื่องนี้  เราก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็น Master Piece เป็นที่สุดของเราอยู่ดี”

 

 

อายยิ้ม แบบที่มองจากพระจันทร์ก็รู้ว่าเธอแสนภาคภูมิใจ

 

 

 

 

 

ขอบคุณภาพจาก Instagram @kamolned และ @N.E.D_OFFICIAL

 

 

ดาวน์โหลดอ่าน e-Book