Merry Christmas! เปิดตำนาน “ซานตาคลอส” ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส
ช่วงใกล้เทศกาลคริสต์มาสซึ่งตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันสำคัญของศาสนาคริสต์เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู เราก็มักจะเห็นภาพคุณลุงร่างท้วมมีเคราขาวผู้ร่าเริงสนุกสนาน สวมโค้ดสีแดงกับคอเสื้อสีขาว กางเกงขายาวสีแดง เข็มขัดและรองเท้าหนังสีดำแบกถุงสีแดงขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยของขวัญ พร้อมส่งเสียงหัวเราะ โฮโฮโฮ ปรากฏกายออกมาให้เห็นประจำพร้อมกับเจ้ากวางเรนเดียร์คู่ใจ
เมื่อถามถึง “ซานตาคลอส” คงไม่มีใครไม่รู้จักผู้ที่นำของขวัญและความสุขมามอบให้เด็กๆ แต่หากถามว่าความจริงแล้ว ซานต้าครอส เป็นใคร มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร เหตุใดจึงต้องมาทำหน้าที่สำคัญในช่วงเทศกาลคริสต์มาส วันนี้ KAZZ จะมาเปิดตำนานซานต้าต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสเพื่อไขข้อข้องใจที่ว่านี้กันค่ะ
นักบุญนิโคลัส
กำเนิดซานตาคลอสนั้นมีตำนานได้กล่าวไว้ว่า ซานตาคลอส ก็คือ ‘เซนต์ นิโคลัส’ ผู้เป็นสังฆราชแห่งเมืองไมรา มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 4 (15 มีนาคา ค.ศ. 270 – 6 ธันวาคม ค.ศ 343) เป็นคนใจบุญสุนทาน ชอบช่วยเหลือคนยากไร้เสมอๆ โดยชีวิตในวัยเด็กของเซนต์ นิโคลัส อาศัยอยู่ทางฝั่งทะเลตอนใต้ของตุรกีและเขาต้องอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว เนื่องจากชาวโรมัน ผู้ครอบครองดินแดนแถบนั้นกดขี่ชาวคริสเตียน ต่อมาบิดามารดาของเซนต์ นิโคลัส เสียชีวิตลงและได้ทิ้งทรัพย์สมบัติให้เขาไว้มากมายวันหนึ่ง นักบุญนิโคลัส เกิดสงสารครอบครัวเด็กหญิงคนหนึ่งที่แสนยากจน และด้วยความมีน้ำใจ เขาได้แอบปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของครอบครัวเด็กหญิงคนนี้ และหย่อนถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ แต่บังเอิญถุงเงินได้ตกใปในถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนไว้ข้างเตาผิงพอดี ทางครอบครัวน้องจึงแปลกใจว่าใครกันหนอ ได้มาช่วยเหลือพวกเขา และได้ทราบต่อมาในภายหลังว่าคือนักบุญนิโคลัสนั่นเอง
เซนต์ นิโคลัส ได้เผยแผ่ศาสนา และอุทิศชีวิตให้กับศาสนาคริสต์จนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว ก่อนที่จะมรณภาพในวันที่ 6 ธันวาคม ราว ค.ศ.340 โดยผู้คนได้สร้างโบสถ์เพื่อเก็บกระดูกท่านไว้ ที่เมืองไมรา ที่นี่ ได้เกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ มีน้ำมนต์ไหลออกมาจากกระดูกของท่าน
ต่อมาชาวเมืองบารี่เมืองเล็กๆ ในอิตาลี ต้องการหาสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กับเมืองตัวเอง จึงได้จ้างนักโจรกรรม ไปขโมยกระดูกของเซนต์นิโคลัส มายังเมืองบารี่ เมื่อการโจรกรรมสำเร็จ ชาวบารี่ได้สร้างโบสถ์บรรจุกระดูกของท่าน เหตุการณ์มหัศจรรย์ น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้ไหลออกมาจากกระดูกเช่นเดียวกัน เมื่อนักบุญที่มาเคารพกระดูกท่านได้นำน้ำมนต์นี้มาใช้รักษาโรคปรากฏว่ารักษาได้ผลชะงัก จากนั้นที่แห่งนี้ก็กลายเป็นสิ่งดึงดูดคนได้อย่างล้นหลาม กระทั่งในคริสต์ศตวรรตที่ 12 ชาวเมืองฝรั่งเศสได้กำหนดวันที่ 6 ธันวาคมซึ่งเป็นวันมรณภาพของเซนต์นิโคลัส ให้เป็น “วันเซนต์นิโคลัส” และได้นำถุงเท้าที่ใส่อาหาร ขนมไปแขวนไว้หน้าบ้านของคนยากไร้ตามแบบอย่างท่าน ก่อนที่ประเพณีนี้จะแพร่อย่างรวดเร็วไปทั่วยุโรป และแพร่หลายไปในสหรัฐอเมริกา และได้มีการผนวกวันเฉลิมฉลองเซนต์ นิโคลัส เข้ากับวันคริสต์มาสในเวลาต่อมา
ต่อมาจิตรกรนาม “โธมัส นาสต์” (Thomas Nast) ได้เขียนภาพซานตาคลอสขึ้นมาเป็นชายแก่ร่างอ้วนใส่เสื้อผ้า และหมวกสีแดง อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็นยานพาหนะโดยมีกวางเรนเดียร์ลาก และจะปรากฎตัวในวันคริสต์มาส ลงมาทางปล่องไฟของบ้านเพื่อเอาของขวัญมาให้เด็ก ๆ ที่แขวนถุงเท้าไว้นั่นเอง
เมื่อใดก็ตามที่เรานึกถึงภาพของ “ซานตาคลอส” หลายคนคงรู้สึกได้ถึงความใจดี อบอุ่น มีเมตตา ทำให้รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก และเชื่อว่าความดีงามจากการ “ให้” อย่างมากมาย โดยไม่เคยหวังผลตอบแทนของนักบุญนิโคลัสนั้น แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้ว ก็ยังตราตรึงอยู่ในใจคนจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงทุกวันนี้
ข้อมูล : history.com , Wikipedia.com
ภาพจาก : pinterest.com, wikipedia.org
สั่งซื้อ Kazz Magazine เล่ม 149 ฉบับเดือน พฤศจิกายน
หรือดาวน์โหลด E-Book