ทำความรู้จักกับ ‘ไอซ์-ภาณุวัฒน์ เปรมมณีนันท์’ หนุ่มเซอร์มาดเท่ นักแสดงน้องใหม่ช่อง 3

ทำความรู้จักกับไอซ์-ภาณุวัฒน์ เปรมมณีนันท์

หนุ่มเซอร์มาดเท่ นักแสดงน้องใหม่ช่อง 3


จุดเริ่มต้นของการทำงานในวงการบันเทิง

“มีอยู่วันหนึ่งตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้นม.5 อายุประมาณ 16-17 ปี ผมบังเอิญไปได้ยินคุณพ่อคุณแม่คุยกันเรื่องค่าใช้จ่ายของที่บ้านตอนประมาณตีสามตีสี่ที่ผมจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมเลยอยากปรับตัวเป็นคนใหม่ที่ช่วยแบ่งเบาภาระของคุณคุณพ่อคุณแม่ ก็เลยเสิร์ช Google เลยครับ ส่งอีเมล์ไปหาสมัคร แล้วบังเอิญไปเจออีเมล์ของพี่ปิ๊ก (ฌาณฉลาด ทวีทรัพย์) ด้วยความที่มันร้อนใจผมก็เลยส่งอีเมล์ไปแล้วทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า ถ้าไม่รับช่วยบอกด้วยนะครับผมจะได้ไปหาที่อื่น (หัวเราะ) รุ่งเช้าพี่ปิ๊กก็ให้ทีมงานติดต่อมาว่าให้ไปหาที่กรุงเทพฯ ผมก็เลยนั่งรถตู้จากพัทยาไปกรุงเทพฯ คนเดียวเลย ตอนแรกคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่โอเค เขากลัวเราจะโดนหลอกครับ แต่ผมก็ไม่ฟัง ผมก็ไปจนไปเจอพี่ปิ๊กจริงๆ ในตอนนั้นก็ทำตัวไม่ถูกเลยครับ เพราะเรายังเป็นเด็กหัวเกรียนอยู่เลย”

คำแนะนำของนักปั้นมือทอง พี่ปิ๊ก-ฌาณฉลาด ทวีทรัพย์

“พี่ปิ๊กให้คำแนะนำบอกว่าช่วงปิดเทอม อยากให้ผมมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เขาจะส่งพาไปเรียนคลาสแอ็คติง ผมก็ได้ไปเรียนทุกอย่างเลยครับ ทั้งร้องเพลง เต้น การแสดง คือผมไม่เป็นสักอย่าง ผมเป็นคนขี้อายมากๆ หลังจากนั้นมันก็ช่วยพังกำแพงผมทุกอย่างเลย จนผมกลับไปช่วงม.6 เพื่อนๆ ก็พากันแปลกใจหมดทุกคน เพราะผมเปลี่ยนไปเหมือนคนละคน กล้าแสดงออกมากขึ้น มีคนรักมากขึ้น เวลาที่เราวางตัวถูกกับเพื่อน เวลาที่เราจะทำอะไรใครๆ ก็รักมากขึ้น หลังจากที่เราได้ถูกบ่มเพาะถูกสอนจากที่เราได้เรียนมา ถึงผมเป็นคนที่เรียนไม่ค่อยเก่ง แต่ผมก็พยายามขยันให้มากขึ้น มีจุดมุ่งหมายในชีวิตมากขึ้น”

ความรักความห่วงใยของคุณพ่อคุณแม่

“เวลาคุณพ่อคุณแม่เห็นผมในทีวี ผมรู้ได้เลยครับว่าเขาแบบเห่อมากๆ คงเอาไปโม้กันทั้งหมู่บ้านแล้วล่ะ (หัวเราะ) โดยเฉพาะคุณแม่ จริงๆ ท่านก็เป็นห่วงผมครับ โทรคุยกันตลอด เวลาผมอยู่กรุงเทพฯ ก็จะคอยรายงานเขาตลอดเหมือนเราเป็นเด็กครับ แต่เราคิดว่าเราโตแล้ว คิดว่าเราดูแลตัวเองได้แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ จริงๆ แล้วตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดว่าผมมาเป็นนักแสดง แต่อยากจะเข้ามาเป็นนายแบบเฉยๆ เพราะผมคิดว่าผมตัวสูงน่าจะเหมาะกับงานทางด้านนี้ก็เลยทำตามคำที่เพื่อนๆ เคยบอกว่าทำไมไม่ลองไปแคสดู”

นักแสดงรุ่นพี่ที่เป็นไอดอลในดวงใจ

“ดาราผู้ชายคนเดียวที่ผมชอบคือผมชอบคือพี่อนันดาครับ ตอนที่เรียนแอคติ้ง ผมต้องไปศึกษาว่าการแสดงเป็นยังไง ก็ได้เห็นการแสดงของพี่อนันดาที่ดูเรียลมาก ขนาดเป็นผู้ชายด้วยกันผมยังรู้สึกหลงใหลในการแสดงของพี่เขามากๆ รวมถึงทัศนคติในการทำงานของพี่เขา ที่ไปเปิดบริษัทแล้วก็ทำงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังด้วย ผมเคยเจอพี่อนันดาตามงาน แต่ผมยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปทักทายเพราะว่าเวลาไม่พอครับ”

การวางตัวในวงการบันเทิง

“ในตอนนี้ถามว่าเขินบางไหม ก็มีบ้างครับ แต่ก็ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน เพราะเมื่อก่อนผมไม่กล้าคุยกับผู้หญิงเลยครับ เพราะแค่เขาถามว่าไปกินข้าวไหม ผมยังไม่กล้าตอบเขาเลยครับ เขิน (หัวเราะ) จะวิ่งไปหาเพื่อนผู้ชาย”

ผลงานการแสดงเรื่องแรก  ‘Social Death Vote’

“ในเรื่องผมรับบทเป็น ‘คิว’ ครับ เรื่องแรกก็ถือว่าหนักเลยครับ เพราะว่าถูกพี่หนึ่ง-ณรงค์วิทย์ และ พี่หนุ่ม-กฤษณ์ให้มารับบทนี้เป็นคนที่เป็นโรคจิต ลึกลับไม่คุยกับใคร เพราะโตมาในสังคมที่อยู่คนเดียว ก่อนแสดงผมก็ไปดูหนังที่เกี่ยวกับโรคจิต ผมทำรีเสิร์ชเยอะมากครับ ศึกษาว่าคาแรกเตอร์เขาเป็นยังไง ผมก็ไปไล่อ่านในเว็บก็มีหลายความคิดเห็นว่าเป็นอย่างงั้นอย่างงี้ ก็เก็บมาเอาจำไว้ แต่ไม่ได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันนะ (หัวเราะ) ก่อนที่จะเข้าฉากผมจะย้อนกลับไปคิดในสิ่งที่เราค้นหามาว่าคนโรคจิตแบบนี้บุคลิกเขาจะเป็นยังไง บทนี้เขาต้องการสื่ออารมณ์ยังไงบ้าง จะเป็นคนไม่พูด หรือพูดน้อยมาก จะแสดงออกทางสายตาและอารมณ์โดยส่วนใหญ่ อยู่ดีๆ เดี๋ยวก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็หัวเราะ แต่จริงๆ แล้วผมก็อยากจะบอกว่า แม้ว่าเขาจะเป็นยังไงก็ตาม แต่ว่าสุดท้ายแล้วเขาก็มีหัวใจเหมือนกันนะ ไม่อยากให้คนมาต่อมาเขาว่าคนเป็นโรคจิตอย่าไปคบพวกเขา เราไม่ควรไปตัดสินเขาด้วยปลายนิ้วมือหรือแป้นพิมพ์”

บทบาทท้าทายที่อยากเล่นมากที่สุด

“บทที่ท้าทายมากๆ ผมว่าผมเล่นไปแล้วคือคนที่เป็นโรคจิต แต่ถ้าอยากเล่นจริงๆ ก็จะเป็นบทที่เกี่ยวกับหนังผี แต่ผมจะเป็นคนกลัวผีครับ ก็เลยอยากลองเล่นดูสักครั้ง (เคยเจอผีบ้างไหม?)  เคยแต่ได้ยินเสียงแปลกๆ ตอนผมบวชเณรให้คุณพ่อตอนเรียนชั้นประถมครับ ตอนนั้นผมนอนอยู่ที่วัด ผมก็ได้ยินเหมือนเสียงแปลกๆ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า แล้วผมเป็นคนที่นอนหลับยากมากตั้งแต่เด็ก ตอนที่ได้ยินมันจะเป็นเสียงอะไรที่แบบว่าเราฟังแล้วรู้สึกขนลุกเอง เหมือนเวลาเรายืนอยู่แล้วมันเสียวสันหลังวาบ ขนาดผมนอนอยู่ผมยังรู้สึกเสียวสันหลังเลย ”

ประเภทของภาพยนตร์ที่ชอบดู

“จริงแล้วผมเป็นคนที่ชอบดูหนังญี่ปุ่นนะ ชอบหนังเกี่ยวกับซามูไรญี่ปุ่น ผมเคยไปเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นมา แล้วผมก็เริ่มเสพเกี่ยวกับหนังญี่ปุ่นมากขึ้น ผมว่ามันดูเป็นการแสดงที่เรียลดี ไม่เยอะแต่ว่าดูธรรมชาติมากๆ”

เล่าถึงประสบการณ์ไปเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่น

“ตอนนั้นผมได้ทุนจาก Yoshimoto ไปเรียนอยู่ที่โอซาก้ามาเกือบปี ผมคิดว่าที่ญี่ปุ่นจะแตกต่างจากบ้านเราแทบจะทุกอย่างเลยครับ แต่ที่เข้มงวดมากที่สุดก็คือเวลาและวัฒนธรรม เช่นเวลาที่พวกผมเดินเข้าห้องเรียนแบบเสียงดัง ก็จะโดนเพื่อนทั้งห้องนินทา ในห้องจะเป็นนักเรียนญี่ปุ่นหมดเลยครับ แล้วก็จะมีผมกับเพื่อนพวกเราเป็นคนไทยสามคนที่อยู่ในห้องเรียนนั้น แต่ตอนหลังก็มีล่ามมาบอกว่า เพื่อนในห้องเขาก็นินทาพวกเราอยู่นะ แต่ก็ชมว่าพวกเราว่าหน้าตาดี (หัวเราะ) พวกผมก็ยืดเลยครับ”

“ตอนแรกที่ไปเรียนที่ญี่ปุ่น ก็ไปแบบงงๆ อยู่ประมาณ 3 เดือนครับ ว่ามาทำอะไรเหมือนตอนนั้นยังจับจุดไม่ได้ครับ เพราะว่าอยู่ต่างที่ด้วย แต่อยู่ไปอยู่มาเริ่มจับจุดได้ ก็เริ่มมีความมุ่งมั่นมากขึ้น เหมือนได้วัฒนธรรมจากญี่ปุ่นมาเต็มๆ เลยครับ ความมีระเบียบ การรักษาเวลา รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะทำในสิ่งหนึ่งสิ่งใดจริงๆ เหมือนเรียนเต้นก็เรียนเต้นอย่างเดียวตั้งแต่เด็กจนโต เหมือนเขาเลือกแล้วตั้งแต่เด็ก พอโตมาก็ยังทำในสิ่งนั้นอยู่ ส่วนภาษาญี่ปุ่นผมก็พอได้พื้นฐานครับ”

ให้กำลังใจชาวญี่ปุ่นที่ประสบกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่ฮอกไกโด

“จริงๆ มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นครับ ก็อยากจะส่งกำลังใจเอาใจช่วย เพราะว่าผมก็เป็นคนที่เคยไปอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย ก็เข้าใจถึงการเป็นอยู่ ผมเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ว่าก็ไม่ได้รุนแรง แค่เรารู้สึกว่ามันมีเหตุการณ์ทางธรรมชาติแปลกๆ อะไรขึ้นมาเราก็รู้สึกตกใจมากๆ แล้ว ก็อยากจะส่งกำลังใจช่วย อยากจะบอกว่าคนไทยทุกคนก็ยังคอยเป็นห่วงอยู่เหมือนกันครับ”

แมลงสาบกับผีกลัวอะไรมากกว่ากัน

“แมลงสาบ (หัวเราะ) โอ้โห้ผมนี่กลัวมาก เมื่อวานผมยังเจอมันอยู่เลย เป็นอะไรที่กรี๊ดมากครับ ตอนเด็กๆ มีประสบการณ์ตอนที่ผมนอนอยู่ แล้วพอลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วแมลงสาบมันก็อยู่บนอกผม หนวดมันก็ไหวไปมา รู้สึกเหมือนมันเป็นพวกสัตว์ประหลาดในการ์ตูน ผมก็ถอดเสื้อเหวี่ยง (หัวเราะ) แล้วก็วิ่งออกไปปลุกแม่ให้มาหาเลยครับ”

มุมมองเกี่ยวกับความรัก

“จริงๆ แล้วการมีความรักมันไม่ใช่เรื่องที่น่าเกลียดอะไร การมีความรักมันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ครับ มันช่วยให้เรามีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น มีคนให้เราคอยพูดคุยปรึกษาส่วนตัว มีเวลาให้ จริงๆ แล้วผมไม่เคยมองว่าการมีความรักแล้วต้องมาปิดบังอะไร ถ้ามันไม่ส่งผลกระทบต่อคนของเราทั้งคู่ เพราะว่าทุกวันนี้ความรักมันเป็นเรื่องธรรมชาติ แล้วเราอยู่ในยุคของโชเซียลมีเดียด้วย ก็ยิ่งปิดบังยาก”

สเป็คผู้หญิงที่ชอบ

“ผมชอบคนที่เป็นลูกครึ่ง เป็นคนที่เฮฮา ตลกๆ แล้ว พูดกันแล้วเข้าใจกันง่าย”

คติในการทำงาน

“ความผิดพลาดคือประสบการณ์ที่นำไปสู่ความสำเร็จ”

ผลงานใหม่ที่อยากฝากให้แฟนๆ ติดตามชม

“ตอนนี้ผมกับเพื่อนๆ วง ‘THE FINS’ ออกซิงเกิ้ลชื่อว่า “แหม” และ มีผลงานเพลงเพิ่งถ่ายหนังเรื่อง ‘The Job รับจ้างรัก’ เรื่องนี้ได้เล่นคู่กับพี่พิงกี้ (สาวิกา ไชยเดช ) และน้องนารา (นารา เทพนุภา) ในเรื่องรับบทเป็นพี่ชายที่ต้องดูแลน้องที่ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล แล้วเราต้องหาทุกวิถีทาง ต้องทำงานทุกสิ่งอย่างเพื่อที่จะหาเงินมารักษาน้องคนนี้ครับ ต้องไปเป็นเด็กล้างจานทำทุกอย่างเลย เรื่องราวมันก็เริ่มบานปลายมาตั้งแต่ตอนที่พี่พิงกี้จ้างมาให้ผมกินข้าวด้วย ก็เลยกลายเป็นที่มาของชื่อหนัง ‘The Job รับจ้างรัก’ ครับ”

ข้อความที่อยากฝากถึงแฟนๆ KAZZ MAGAZINE

“ผมเพิ่งเข้ามาในวงการเป็นน้องใหม่ ก็อยากจะฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ ผม ไอซ์-ภานุวัฒน์ เปรมมณีนันท์ ก็จะพยายามทำผลงานให้ทุกคนได้ติดตามกัน ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด ขอบคุณมากๆ ครับผม”

 

 

สั่งซื้อ Kazz Magazine เล่ม 146 ฉบับเดือน กันยายน

หรือดาวน์โหลด E-Book