“โบอาจจะมีเอกลักษณ์บางอย่างที่มันอาจจะไม่ดีนัก เช่น อัดเพลงโฮมเมด โฮมเมดในที่นี้คือการนอนอัดอยู่บนเตียง ซึ่งเราก็ยังคงทำอย่างนั้นมาตลอด สำหรับเพลงของโบ โบไม่ได้คิดว่าเป็นแค่เพลง แต่มันคืองานศิลปะชิ้นหนึ่ง ทุกเพลงที่ทำออกมามันต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ไม่ใช่แค่ร้องเสร็จแล้วก็ลงให้คนเขาฟังไป”
BOWKYLION
-โบกี้ พิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ-
กระแสตอบรับเพลง “คนไข้”
กระแสตอบรับดีกว่าที่คิดนะคะ ก็ไม่คิดว่าจะมีคนฟังเยอะขนาดนี้ (หัวเราะ)
ส่วนร่วมในการทำเพลง “คนไข้”
เพลงนี้โบเป็นคนแต่งเนื้อร้องและทำนองเองค่ะ แล้วก็ได้พี่ยี่ SafePlanet มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ด้วยค่ะ
ท่อน “เหมือนจะไม่สบาย” มาจากประสบการณ์จริง?
ก็เป็นประสบการณ์โดยตรงที่เคยผ่านมาค่ะ ลองย้อนกลับไปนึกถึงตอนนั้น ตอนที่เราโดนบอกเลิก ทั้งๆ ที่เราไม่รู้เลยว่าเราผิดอะไร แต่อยู่ๆ เขาก็มาตัดสินกันด้วยคำว่า “เลิกกันนะ” ตอนนั้นความรู้สึกเหมือนตัวเองจะไม่สบาย มันมึนๆ จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก รู้สึกหน้าชา ใจสั่น ตาพร่ามัว จึงหยิบเอาสิ่งเหล่านั้นมาเปรียบเทียบเป็นคนไข้ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนคนที่ไม่สบายเลยค่ะ
การรักษาอาการไม่สบายในแบบของโบกี้
เรียกว่ามันทำอะไรไม่ได้เลย มันทำได้แค่รอให้ผ่านช่วงนั้นไป แล้วสักวันหนึ่งมันจะดีขึ้นเอง บางครั้งการที่เรารักษามันด้วยการใช้ยา มันก็ได้แค่ช่วยบรรเทาอาการ มันไม่ได้ทำให้ดีขึ้นจริงๆ ค่ะ
ความพิเศษของท่อนแร็ปที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ท่อนแร็ปที่ใส่ลงไปจะมีความพิเศษตรงที่ว่า ไม่ได้แร็ปโดยการพูดเอา แต่เป็นการแร็ปด้วยการใช้เมโลดี้ในการสื่อสารค่ะ เป็นท่อนแร็ปที่มีตัวโน้ตค่ะ
ทุกซิงเกิลของโบกี้ล้วนเป็นเพลงเศร้า
จริงๆ โบเป็นคนที่แสดงออกด้านความสุขไม่ค่อยเก่ง (หัวเราะ) จะเป็นคนที่ถ่ายทอดด้านความทุกข์ได้เก่งกว่า ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ในเพลงสามเพลงที่ปล่อยไปก็เศร้าเหมือนกันหมดเลย แต่ในแต่ละเพลงก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันนะ เหมือนเสื้อผ้าที่โบใส่ในแต่ละวันก็มีลุคที่หลากหลาย บางวันก็เป็นลุคหนึ่งที่มันเปลี่ยนไปเลย เช่นเดียวกับรสนิยมทางดนตรีของโบในสามเพลงที่ปล่อยออกไปซึ่งก็ไม่เหมือนกันเลย แต่จุดศูนย์รวมคือเป็นเพลงเศร้าหมดเลยค่ะ
โอกาสที่จะได้ฟังเพลงแนวใหม่จาก BOWKYLION
(หัวเราะ) ก็จะมีเพลงใหม่ที่กำลังจะปล่อยต่อจากเพลงคนไข้ค่ะ จะปล่อยพร้อมกับมิวสิกวิดีโอเลย ชื่อว่าเพลง “คอควาย” เพลงนี้จะมีดนตรีที่แตกต่างจากสามเพลงแรก แต่จริงๆ มันก็ไม่เหมือนกันสักเพลงนะ แค่เนื้อหามันเศร้าเหมือนกันแค่นั้นเอง
ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้กับชื่อ BOWKYLION
ก็เคยมีความคิดที่อยากจะเปลี่ยนชื่อนะ เพราะชื่อมันยาวไป BOWKYLION (โบกี้ไลอ้อน) บางคนเขาก็งงว่ามันคืออะไร จริงๆ ไม่ได้ชื่อโบ หรือชื่อที่มีในนี้เลยนะ ความจริงแล้วมีพี่สาวชื่อ “ว่าน” ส่วนตัวเองชื่อ “วุ้นเส้น” แต่ตอนเด็กๆ จะเปลี่ยนชื่อบ่อยมาก จนมาเป็น “โบ” และ “กี้” ที่มาจากชื่อสุนัข เพราะเป็นคนที่รักสุนัข ส่วนไลอ้อนมาจากเมื่อก่อนจะชอบทำผมฟูๆ หัวจะลีบไม่ได้ ต้องทำให้ฟูตลอด เพื่อนเลยเรียกเราว่า “โบกี้ไลอ้อน” พอเข้ามาทำงานในวงการจึงใช้ชื่อนี้เลยแล้วกัน
โชคชะตาหรือความสามารถที่พาโบกี้มาถึงจุดนี้?
อาจจะเป็นเพราะความสามารถและโชคชะตารวมกันค่ะ เพราะโบคิดว่าทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้วว่าเราต้องเจออะไรบ้างในแต่ละวันค่ะ
เสน่ห์ของการคัฟเวอร์เพลง
ทุกเพลงที่ทำออกมาล้วนต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ไม่ใช่แค่ร้องเสร็จแล้วก็ลงให้คนเขาฟังไป มันไม่ใช่ ซึ่งเสน่ห์ของการคัฟเวอร์เพลงก็น่าจะอยู่ที่คลิปวิดีโอ มันไม่มีอะไรเหมือนกันเลย เราคาดเดาอะไรไม่ได้เลย จะเกิดอะไรขึ้นในเพลงต่อไป ต่อให้เป็นภาพนิ่งธรรมดาก็จะมีจุดเด่นเล็กๆ ให้คนดูได้สนใจว่า “เฮ้ย ตรงนี้มันขยับหรือเปล่า” อะไรแบบนั้นค่ะ
แรงบันดาลใจที่ทำให้โบกี้มาถึงจุดนี้ได้
แรงเงิน (หัวเราะ) จะพูดยังไงเนี่ย พูดกันตรงๆ เลย อย่างตอนเป็นเด็กโบร้องเพลงแล้วโบมีความสุขกับมัน โบร้องเพลงอะไรก็ได้ที่ตัวเองต้องการ แต่ในปัจจุบันเราโตขึ้น และเราก็มีอาชีพ ซึ่งอาชีพนี้เป็นอาชีพที่เราทำแล้วรู้สึกมีความสุข แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันมีเรื่องของธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มันไม่ใช่การร้องเพลงอย่างเดียว มันเป็นการร้องเพลงที่ผสมการทำธุรกิจ เราไม่สามารถร้องเพลงให้ตัวเองมีความสุขเพียงอย่างเดียวได้ เพราะว่าถ้าเราร้องเพลงเพื่อให้ตัวเองมีความสุข เราจะร้องอะไรก็ได้ ไม่ต้องแคร์ว่าใครอยากจะฟังอะไร แต่ว่า ณ ตอนนี้ เราต้องร้องเพลงที่ตัวเองมีความสุขและคนฟังก็ต้องมีความสุขด้วย ดังนั้นการร้องเพลงของโบจึงไม่ใช่สิ่งที่ทำแล้วมีความสุขอย่างเดียว มันไม่ใช่แค่งานอดิเรก แต่มันคืออาชีพ ซึ่งอาชีพนี้เลือกเรา และเราเองก็เลือกที่จะทำมันเหมือนกัน เรามีรายได้จากมัน รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากที่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักและสิ่งนั้นก็รักเราเหมือนกันค่ะ
อีกกี่ปีถึงจะอิ่มกับการร้องเพลง?
อิ่มแล้ว (หัวเราะ) จริงๆ ไม่เคยเบื่อนะเวลาร้องเพลง แต่ถ้าให้พูดตรงๆ มันก็มีเบื่อบ้างในบางเวลาที่เราทำตามใจตัวเองมากไม่ได้ เพราะว่าเราก็ต้องตามใจคนอื่นบ้าง โลกก็เหมือนวงการมายา บางสิ่งเราก็ไม่สามารถพูดตรงๆ ได้ว่าเรารู้สึกยังไง เพราะว่ามีคนอีกมากมายที่รอฟังเราพูดอยู่ คิดว่าตอนนี้ก็ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัวนะ อาจจะมีบ้างที่รู้สึกท้อในบางครั้ง ซึ่งมันก็ยังไม่แย่จนเราอยากหนีไป เป้าหมายสูงสุดในชีวิตก็ไม่ใช่การร้องเพลง แต่เป็นการที่เรามีบ้าน มีครอบครัว และมีสัตว์เลี้ยง คิดว่านั่นแหละคือเป้าหมายที่สูงที่สุดของตัวเอง
ความกดดันในการทำงานในฐานะศิลปิน
รู้สึกกดดันมากที่สุดในโลก รู้สึกกดดันมากค่ะ อย่างที่ทุกคนรู้คือเราเป็นคนที่ร้องแต่เพลงเศร้า เวลาที่ไปโชว์ในแต่ละครั้ง พอได้ยินคำว่า “ขอเพลงสนุกๆ นะ” โอ้โห เครียด เครียดมากที่สุดเลย เราไม่ใช่คนที่จะไปเต้น เราทำให้คนอื่นเขาสนุกไม่ได้ อย่างคนที่เขาร้องเพลงสนุก เขาก็ยังร้องเพลงเศร้าได้ แต่ว่าคนร้องเพลงเศร้าแบบเรามันไปถึงความสนุกแบบนั้นค่อนข้างยาก เหมือนเราตีกรอบให้ตัวเองว่าต้องเป็นแบบนี้ แบบนี้นะ บางครั้งเราก็รู้สึกกดดันตัวเองมากขึ้นไปอีกด้วยการบอกตัวเองว่า “ต้องทำให้ได้สิ ไม่ได้ได้ไง”
ความกลัวในการโชว์ที่ผู้ฟังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
กลัวมาก ต้องยอมรับว่าโบเป็นศิลปินที่มีฐานคนฟังไม่ได้กว้างขนาดนั้น ก็จะมีบางครั้งที่เราไปเล่นแล้วคนอาจจะไม่ฟังเรา หรือเขาอาจจะอยากเต้นหรืออยากคุยกับเพื่อนมากกว่าค่ะ ซึ่งส่วนนี้เราก็ไม่ได้ว่าเขานะ จริงๆ แล้วมันก็มีบ้างที่เรารู้สึกนอยด์ๆ มีหลายครั้งเลยแหละที่เรากดดันตัวเอง เราทำไม่ได้ เราแย่มาก แต่สุดท้ายโบก็คิดได้ว่า การที่เราทำสิ่งที่มีอยู่ให้มันดีที่สุด มันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนแรกที่โบขึ้นโชว์ต้องยอมรับว่านอยด์มาก อุตส่าห์ตั้งใจมาเล่น ทำไมไม่สนใจกันเลย นอยด์สุดๆ สุดท้ายก็มาคิดได้ว่าคนที่เขาตั้งใจมาดูเราก็มี ทำไมเราไม่ทำตรงนี้ให้ดีที่สุดล่ะ พยายามใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองค่ะ
วิธีทำให้ตัวเองไม่เศร้าไปกับเพลง
บอกตัวเองไม่ให้จมกับอารมณ์ของเพลงมากเกินไป หากเราร้องเพลงที่เศร้ามาก และมัวไปเศร้าอยู่กับมัน เราจะรู้สึกแย่ไปเลย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราร้องด้วยความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ เราไม่ต้องรู้สึกมากขนาดนั้น เราจะสามารถไปต่อได้ค่ะ
ฝากผลงานและช่องทางการติดตาม
สามารถฟังเพลง “คนไข้” ได้ทางช่องยูทูบ Whattheduck นะคะ และติดตามโบได้ทางอินสตาแกรม ยูทูบ และเฟซบุ๊กแฟนเพจ BOWKYLION ค่ะ และสำหรับเพลงใหม่ที่กำลังจะปล่อยเร็วๆ นี้ ก็ฝากติดตามด้วยนะคะ