7 ปีในวงการบันเทิงของ ‘มาร์ช จุฑาวุฒิ’
“มาร์ช จุฑาวุฒิ” นักแสดงดาวรุ่งสุดฮอตที่ใครๆ ต่างรู้จักในนาม “มาร์ช ฮอร์โมน” ใครจะเชื่อว่าวันเวลาเดินไปช่างไวเหลือเกิน และใครจะรู้ว่าหนุ่มมาร์ชได้เดินทางในเส้นทางบันเทิงมานานกว่า 7 ปีแล้ว ที่ตัวเขาเองได้ผ่านประสบการณ์ต่างๆ มากมายทีหล่อหลอมให้เขาสามารถเติบโตและเป็นขวัญใจแฟนๆ ได้จนถึงตอนนี้…
อยู่มา 7 ปีแล้ว แต่ละปีมีความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
“มีครับ ระทึกดีครับ ก็แบบมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย แต่ละปีเวลามันจะผ่านไปเร็วมาก พอท้ายสิ้นปีเราก็จะมานั่งทวนแล้วว่าปีนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ละปีมันก็มีความสนุกของมัน ปีนี้ผมก็มีงานเดินทางเยอะมาก ก็มีประสบการณ์ใหม่ๆ ไปต่างประเทศ”
สิ่งที่มาร์ชประทับใจมากที่สุดในวงการบันเทิง
“ผมโชคดีที่ผมอยู่กับคนเบื้องหลังที่น่ารัก คนรอบข้างของผม ผมไว้ใจเค้ามากๆ ทุกๆคน ที่คอยดูแลผม คือผมโชคดีและผมรู้สึกว่าเราสบายใจที่เราอยู่ตรงนี้ เราฟังเค้าได้ในทุกๆเรื่อง ผมรู้สึกว่าผมได้รับความจริงใจจากพี่ๆ”
สิ่งที่มาร์ชกลัวที่สุดตั้งแต่อยู่วงการบันเทิง
“ผมไม่ค่อยกังวลเรื่องนั้นนะครับ ผมมองว่าตัวผลงานสำคัญมากกว่า ทุกๆเรื่องที่ผมเล่นผมก็อยากจะรักษามาตรฐานของเราหรือว่าต้องการจะทำให้มันดีขึ้น ไม่ใช่ว่าเวลาผ่านไป เฮ้ย ทำไมมันเล่นแย่ลงเพราะว่าเราคือนักแสดง ผมไม่ได้ไปเครียดเรื่องข่าว ถ้าอันไหนจริงมันก็จริง อันไหนมันไม่จริงมันก็ไม่จริงอยู่แล้ว ผมมองด้วยตัวผลงานมากกว่า อยากที่จะรักษามาตรฐานตรงนี้ไว้ ไม่อยากให้คนดูรู้สึกผิดหวังกับผลงานเรา”
วงการบันเทิงสอนอะไรบ้าง
“เยอะครับ มันก็คือสายอาชีพหนึ่ง ที่เราเข้ามาแล้วเราก็ต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของเราอย่างที่สุด เหมือนได้มีโอกาสได้ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เหมือนได้เริ่มทำงานเลย เริ่มเข้าใจ เริ่มวางแผนชีวิต เริ่มจัดระบบชีวิตตัวเองเร็วขึ้น เหมือนรู้ว่าเราควรทำยังไง เวลาไหน ทำอะไร”
กำลังใจที่สำคัญที่สุดของมาร์ชคือใคร
“ครอบครัวครับ ครอบครัวเป็นเหมือนตัวนำพาเราไปเลย คิดว่าทุกวันนี้เราทำไปเพื่ออะไร น่าจะเป็นครอบครัวของตัวผมเอง เวลาท้อใจผมไม่ได้พูดกับตัวเองนะ แค่กลับบ้านมา คือ เราอยู่กับมาม๊าไง ครอบครัว คนกลุ่มนี้ ครอบครัวของเรายังต้องการพลังจากเราอยู่ เราห้ามเหนื่อย เราต้องทำงานต่อไป อย่างน้อยเราก็ต้องดูแลเค้า”
สิ่งที่คุณแม่สอนเรื่องการทำงานในวงการบันเทิง
“มีพูดครับ มีพูด ก็แบบให้รับผิดชอบในงาน อย่าทำตัวเหลวไหล เละเทะ ในวันที่ผมแบบประสบความสำเร็จแค่ไหนแต่อย่าลืมข้างหลังคือเค้าสอนแบบเราอย่าลืมคนที่เคยมอบโอกาสให้ มอบน้ำใจ มอบสิ่งดีให้เรา มาม๊าเค้าสอนตลอดและผมก็ไม่เคยลืมอย่างนี้ครับ สำหรับคนที่เคยให้ผมมาแล้วในวันหนึ่ง ถ้าผมตอบแทนอะไรเค้าได้ผมก็อยากตอบแทน (ยิ้ม)”