“เชอรีน ณัฐจารี” กับมุมที่คุณยังไม่เคยได้สัมผัส
เมื่อเอ่ยถึงชื่อ “เชอรีน-ณัฐจารี หรเวชกุล” สิ่งแรกที่คุณนึกถึงคืออะไร? เชื่อว่ามุมที่หลายๆ คนเห็นเธอ คือสาวน้อยน่ารักที่มาพร้อมรอยยิ้มตาสระอิ ที่มากพร้อมไปด้วยความสามารถทางการเต้นและการแสดง อีกทั้งเธอยังเป็นน้องสาวของไอดอลเกาหลีชื่อดังอย่างนิชคุณ แห่งวง 2PM แต่ในอีกมุมที่หลายๆ คนยังไม่เคยเห็นและได้รู้จักเลยคงจะเป็นวิถีการใช้ชีวิตของเธอที่แสนจะเรียบง่าย และธรรมด๊า ธรรมดา ต่างจากสิ่งที่เธอมีทั้งชื่อเสียง ฐานะครอบครัว เราขอบอกเลยว่าเรื่องราวของเธอช่างน่าสนใจมาก เพียงแค่คุณขยับสายตาไปบรรทัดต่อไป แล้วคุณจะยิ่งหลงรักในตัว “เชอรีน”
หนึ่งปีที่ผ่านมาของเชอรีนเป็นยังไงบ้าง
ปีที่แล้วเป็นปีที่ยุ่งมากๆ มีซีรี่ส์ 3 เรื่อง จริงๆ มีสองเรื่องแต่มีเรื่องนึงที่ถ่าย 2 ภาค เริ่มจากถ่ายรุ่นพี่ แล้วต่อทีเร็กซ์ แล้วกลับมารุ่นพี่ต่อ เลยเป็นช่วงยาวๆ ที่ค่อนข้างยุ่ง ซีรี่ส์ถ่ายทีประมาณ 2 เดือน แล้วถ่ายหนังต่ออีกเรื่องนึงก็คือเรื่อง Oversize ทลายพุง ที่กำลังจะเข้าฉายในวันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคมที่จะถึงนี้ ยุ่งมากเลยดรอปเรียนไปหลายตัว (หัวเราะ) เพราะว่าช่วงถ่ายไปชนกับช่วงสอบบ้าง เราเลยไม่เป็นไรเราดรอปได้และลงเรียนใหม่ได้ไม่มีปัญหา เรียกได้ว่ามีงานเยอะมาก มีงานคู่กั้งและงานที่ไปญี่ปุ่น ร้องเพลงที่นาโกย่า Thai Festival ด้วย
คำนิยามความเป็นตัวตนของเชอรีน
เรียบง่ายมั้งคะ (ยิ้ม) เป็นตัวของตัวเองด้วย จริงๆ เราเป็นตัวของตัวเองครึ่งนึงและเรายืมคนอื่นมาใช้ครึ่งนึง เรามี base ที่เราอยากจะเป็นอยู่แล้ว เราเรียนรู้จากคนรอบข้างว่าเราชอบแบบไหนที่เขาเป็น แล้วเข้ากับคนรอบข้างเข้ากับสังคมและอนาคตตัวเอง เบสิกหลักๆ คือเป็นคนเรียบง่ายอะไรก็ได้ แต่คนชอบเข้าใจว่าเราเป็นลูกคุณหนู เป็นน้องนิชคุณ กระเป๋า การแต่งตัวต้องแบรนด์เนมแน่นอน มีรถรับส่ง ซึ่งตัดภาพมาเรานั่งรถตู้ ขึ้นบีทีเอสเอง นั่งรถเมล์ นั่งกินข้าวข้างทาง ชิลล์ค่ะ
ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองมาก
เราจะพูดเสมอว่าจริงๆ บ้านเราไม่ได้รวยนะ พี่คุณน่ะรวย คือทั้งบ้านเราไม่ได้รวยขนาดนั้น เราแค่มีเงินใช้ชีวิตปกติได้เฉยๆ คนที่รวยคือพี่ เขาก็เก็บตังของเขาไป แต่ว่าที่บ้านจะไม่ยุ่งกับเงินของพี่เลย จะไม่เอาเงินมาสมทบทุนกับอะไรที่บ้านทั้งนั้น ถ้าพี่ไม่ได้จะออกเองหรือพี่จะออกให้สุดท้ายเราจะบอกว่าแชร์กันไหม? ไม่ต้องออกเองหรอก คือพี่น้องบ้านเรานิสัยแบบนี้หมด เลยกลายเป็นว่าบ้านเราจะติดดินหน่อย ไม่ค่อยหรูหราอะไรขนาดนั้น
ชื่อเสียงไม่ได้ส่งผลอะไรต่อชีวิตของเรา
ไม่ส่งผล เพราะว่าเราชินกับการที่มีพี่เป็นคนมีชื่อเสียงมานานมากแล้ว เลยทำให้รู้สึกว่ามันไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่สำหรับเรา เราเห็นหลายหลายคนนะที่เดินมาพร้อมกับเรา พอมีชื่อเสียงขึ้นมาเขาจะรู้สึกเปลี่ยนไป เพราะเขาไม่ชินกับมัน แต่เราได้สิ่งนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว และพอเรามาเป็นเดอะสตาร์ เราเเค่ได้มากขึ้นจากชื่อของพี่มาเป็นชื่อของเราเอง เราเลยไม่รู้สึกแปลกหรือรู้สึกอะไร
หลักที่ใช้ในการดำเนินชีวิต
คิดว่าเป็นความยืดหยุ่น หลักในการใช้ชีวิตของหนูเลย เรารู้สึกว่าคนที่ฟิกซ์กับอะไรมากเกินไป จะเป็นคนที่ไม่มีความสุขกับชีวิต ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ควบคุมได้ เราไม่ชอบอะไรที่ฟิกซ์เกินไป เพราะทุกอย่างเราเปลี่ยนแปลงได้ ไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว สมมุติว่าเรากำหนดรื่องหนึ่งมากๆ แล้วไม่เป็นไปตามที่เราคิดสุดท้ายใครทุกข์? เราไงที่เป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นการที่เรามีชีวิตแบบยืดหยุ่น คือการที่เราพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ถึงเวลาที่บางสิ่งอาจเปลี่ยนแปลงเราจะยอมรับมันได้ เพราะฉะนั้นเราก็จะไม่ทุกข์กับการเปลี่ยนแปลง เพราะเวลาเกิดเรื่องอะไรจุกจิกขึ้นเราจะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แล้วเราจะมีความสุข