จุดเริ่มของการทำ AF4 Flashback Concert
จุดเริ่มต้นต้องไปถามพี่ณัฐ ศักดาทร(หัวเราะ) จุดเริ่มต้นก็คงจะเป็นการคิดถึงกัน คือพวกเรา AF4 ทั้ง 12 คน จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็อยากจะร้องเพลง คิดถึงแฟนๆ คิดถึงแฟนคลับ ก็อาจจะเจอกันบ้างไม่เจอกันบ้าง แต่โอกาสที่จะรวมตัวกันมันยากมาก ที่จะรวมตัวกันครบ 12 คน ก็เลยจัดคอนเสิร์ตนี้ขึ้นมา ให้มันหายคิดถึง
ใช้เวลานานไหม กว่าจะรวมตัวกันแล้วกลายเป็นคอนเสิร์ตนี้
จริงๆคุยกันไว้ไม่ต่ำกว่า 1-2 ปี กว่าเราจะรวมรุ่นไหม จัดคอนเสิร์ตไหม ตั้งแต่ครบ 10 ปีจัด AF4 ไหม แต่ก็ไม่ว่างกัน ก็จนตอนนี้จะ 12 ปีแล้วเลยมาจัดแบบจริงจัง
12 ปีที่ผ่านมา วงการเพลงเปลี่ยนไปมากแค่ไหน
เปลี่ยนไปเยอะมากนะ เพราะว่าเมื่อก่อนที่มันไม่ใช่ยุคโซเซียลศิลปินมันก็ไม่ได้เยอะขนาดนี้ แต่ปัจจุบันพอมันเป็นยุคโซเซียลทุกคนมีช่องทางเป็นของตัวเอง ทุกคนสามารถเป็นศิลปินได้ ทำเพลงเสร็จเพลงเดียวก็ลง youtube ได้แล้ว เทียบกับเมื่อก่อนกว่าจะเป็นเพลง กว่าจะอนุมัติเป็นอัลบั้มมันยากกว่า เดี๋ยวนี้เพลงใหม่ปล่อยมาทุกวันๆ เปลี่ยนไปเยอะมาก เมื่อก่อนซื้อเทปซื้อซีดีกันเดี๋ยวนี้ก็ซื้อไม่ได้แล้วตอนนี้ดาวน์โหลดกัน ธุรกิจเพลงทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดเลย เปลี่ยนไปโดยเชิงเลย
ความยากง่ายในการทำเพลงที่คนไม่ค่อยรู้จัก
ผมว่าเดี๋ยวนี้มันน่าจะง่ายขึ้น เพราะมันมีคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีใหม่ๆ มันมีวิธีการอัดที่มันเร็วขึ้น อย่างเมื่อก่อนมันต้องอัดทั้งเพลง อัดหลายๆเทป แล้วเอาเทปที่ดีที่สุด แต่เดี๋ยวนี้มันก็มีการตัดต่อเอาเฉพาะท่อนนี้มาใส่ท่อนนี้ หรือบางทีมันใส่ซาวด์จากคอมพิวเตอร์ได้เลย มันก็ง่ายขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าง่ายแล้วมันจะดีกว่าแบบเก่า ซึ่งมันก็แล้วแต่คนจะชอบ
การได้กลับมาเจอเพื่อน AF4 ทั้ง 12 คนในคอนเสิร์ตนี้ เป็นอย่างไรบ้าง
ก็คิดถึงเหมือนกัน(หัวเราะ) เอาจริงจากใจนะตอนแรกผมขี้เกียจเล่น(หัวเราะ) คือตอนนี้ผมก็มีสิ่งที่ต้องทำอยู่ มีละคร มีงาน แต่พอได้มารวมตัวกันมันก็สนุก ตอนแรกผมคิดไม่ออกว่ามันจะออกมารูปแบบไหน เพราะว่าที่ผ่านๆมาผมก็ได้ทำหลายๆอย่างไปแล้ว ทั้งร้อง ทั้งเต้น ทั้งเล่นดนตรีเล่นละคร ทุกอย่างแทบจะทำมาหมดหมดแล้ว ตอนแรกมันไม่เห็นภาพ พอมีโอกาสได้คุยได้มาเริ่มซ้อมทุกอย่างมันก็เริ่มสนุก คิดถูกแล้วที่เรามาทำ ได้มาเจอเพื่อนๆด้วยมันก็สนุกดี
ระหว่างละครกับการร้องเพลงชอบด้านไหนมากกว่า
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมชอบร้องเพลงนะ ผมชอบร้องเพลงอย่างเดียวเลย ผมไม่เคยชอบ acting เลย ไม่เคยคิดว่าจะมาทางนี้ แต่ ณ ปัจจุบันก็สูสีนะ หลังๆมาทางละครงานพิธีกรมากกว่างานเพลงด้วยซ้ำ ก็ชอบทั้งคู่นะ
เห็นเพื่อนๆใน AF4 แต่ละคนต่างแยกย้ายกันไปทำงาน มีครอบครัว อะไรคือสิ่งที่ทำให้เรายังอยู่ในวงการนี้
ส่วนหนึ่งผมก็โชคดีด้วยแหละ เพราะถ้าพูดจากเมื่อก่อนเลยที่ผมไม่เคยเชื่อเรื่อง acting เป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง อันโน่นก็ไม่เอาอันนี้ไม่ใช่ตัวของตัวเองก็ไม่ทำ ไปเล่นละครเรื่องแรกให้แต่งตัวอะไรก็ไม่รู้ มันไม่ใช่เราเลย แค่นี้เราก็ไม่เชื่อแล้ว แต่พอเวลามันผ่านไปเราได้เจอประสบการณ์ใหม่ๆ และก็โชคดีที่ผมเองเป็นคนที่ค่อนข้างปรับนิสัยพอสมควร อะไรที่ไม่ดีก็รับฟัง และโชคดีอีกอย่างที่ผมก็มีครอบครัวที่ดี มีแม่มีพี่ชายที่เขาคอยเป็นกระจกให้เรา คอยเตือนคอยบอก ผมเองก็พยายามปรับปรุงพยายามพัฒนาตัวเองตลอด อาจจะช้าหน่อยแต่ก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนนิสัยตัวเอง อะไรที่มันเป็นตัวของตัวเองแล้วมันดีก็ไม่ต้องปรับ แต่อันไหนที่มันเป็นตัวของตัวเองแต่ไม่ดีก็ต้องปรับ ไม่งั้นมันอยู่กับสังคมยาก ที่สำคัญเรื่องระเบียบวินัย การมีสัมมาคารวะ ผมว่ามันสำคัญมากกับวงการนี้และกับทุกวงการ
ทำงานในวงการบันเทิงมาแทบทุกอย่างแล้ว มีอะไรอีกไหมที่อยากจะทำ
ก็เคยคิดเรื่องทำธุรกิจเหมือนกัน แต่ ณ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำ เพราะว่าผมก็โฟกัสในสิ่งที่ทำตอนนี้อยู่ แต่อนาคตถ้าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นก็อาจจะเป็นโปรดิวเซอร์เอง เป็นผู้ผลิตรายการเองอะไรประมาณนี้ จริงๆก็เคยมีที่ทำ demo รายงานเตรียมเสนอช่อง เป็นรายงานกีฬา แต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสพัฒนาต่อไป