‘คิทตี้-ชิชา’ ในวันที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่
ไปพร้อมๆ กับกระแสความแรงของ ‘แนนโน๊ะ’
เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงที่น่าจับตามองสำหรับสาว ‘คิทตี้-ชิชา อำมาตยกุล’ กับบทบาท ‘แนนโน๊ะ’ ในซีรีส์เสียดสีสังคม ‘เด็กใหม่’ (THE SERIES GIRL FROM NO WHERE) ออกอากาศทุกวันพุธ เวลา 22.25-23.25 น. ทางช่อง GMM 25 กระแสตอบรับดีเยี่ยมตั้งแต่ตอนแรกที่ออกอากาศ ทำเอาสาวคิทตี้ปลื้มไม่หยุดเลยล่ะ…
“จริงๆ ก็มีหลากหลายนะคะ กับกระแสที่เข้ามา แต่เราก็ดีใจที่คนรักในตัวละครตัวนี้ ถ้าอยากจะบอกอะไรกับคนดูก็คงจะบอกว่าเราดีใจที่ทุกคนรัก ไม่ต้องรักเราก็ได้แต่รักแค่แนนโน๊ะก็พอ เราดีใจที่ได้เป็นไอดอลให้ใครบางคน ทำให้หลายๆ คนกล้าลุกขึ้นมายืนมากขึ้น กล้าที่จะออกมาบอกมากขึ้นว่าเราเคยเจอเรื่องร้ายๆ อะไรมาหรือว่าไม่ยอมถูกทำร้าย ซึ่งบทในเรื่องค่อนข้างแรงมากค่ะ คิทมองว่าคิทเป็นเหมือนนักแสดง คิทไม่ต้องเลือกว่าจะเป็นนางเอกหรือนางร้ายตลอดไป คิทก็เลยรู้สึกว่าเราเล่นเป็นอะไรก็ได้ วันนี้เราเป็นเหมือนคนบ้า พรุ่งนี้เราเป็นเหมือนปีศาจ อีกวันหนึ่งเป็นคนพิการก็ได้ คิทรู้ว่ามันเป็นงานที่ท้าทายและไม่ผ่านเข้ามาบ่อยๆ แล้วโชคดีที่ได้ครูบิวและครูโน่ที่ช่วยสอนแอคติ้ง ทีมครีเอทีฟก็เข้ามาช่วยซัพพอร์ทมากๆ มาช่วยทำความเข้าใจว่าความแรงมันจะเป็นยังไง ขณะเดียวกันเขาก็เซฟเรามากในขณะถ่ายทำ ในซีนข่มขืนคนดูอาจจะรู้สึกว่ามันรุนแรง แต่ว่าในระหว่างที่ถ่ายช่างไฟก็ออกไปจากเซทให้ ตัวพี่นักแสดงที่ถ่ายด้วยกันก็มีการยกมือขอขมาก่อน ในระหว่างถ่ายทำจะได้ต้องไม่รู้สึกแย่ต่อกัน”
“คิทเชื่อว่าถ้าคนอื่นมารับบทเป็นแนนโน๊ะ มันก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ มันก็น่าจะออกมาในแบบที่มันถูกผสมระหว่างความเป็นตัวละครกับความเป็นนักแสดงของแต่ละคนเข้าไปอยู่แล้ว พอเป็นแนนโน๊ะในเวอร์ชั่นของคิทมันก็ย่อมจะมีบางอย่างที่คล้ายกับคิทผสมอยู่ด้วยค่ะ ตอนแรกก็กลัวพี่ๆ ทีมงานจะผิดหวังด้วยค่ะ เพราะเขาเลือกเรามา ถ้ามันแป๊กเพราะเรา ก็คงต้องแบบเอาพวงมาลัยไปกราบขอขมากับทีมงานทุกคน”
“กับกระแสตอบรับจริงๆ ตอนนี้ก็ยังเว้อๆ อยู่ค่ะ ตื่นมาก็ยังไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เวลาไปไหนมาไหนในตอนนี้คนก็จะไม่เรียกชื่อคิทตี้เลยค่ะ เรียกแต่แนนโน๊ะ ดีใจมากๆ ที่คนรักแนนโน๊ะ พูดแล้วก็เหมือนแปลกนะคะ เหมือนแนนโน๊ะมีตัวตนจริงๆ ตลอดเวลา แล้วก็รู้สึกดีใจที่เขาเป็นตัวอย่างที่เราเป็นไม่ได้ แต่เขากลับเป็นให้กับสังคมได้”
ในวันที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น คิทตี้ยกมือไหว้ขอโทษพี่ๆ สื่อมวลชน จากกรณีที่เคยชิ่งสื่อในระหว่างให้สัมภาษณ์ประเด็นร้อนเมื่อสองปีที่แล้ว และมองว่าที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ตัวเองได้เรียนรู้และแก้ไขในสิ่งที่เคยทำผิดพลาดไป
“การเป็นตัวเองของคิทคือการเรียนรู้ ยอมรับแล้วก็แก้ไขปรับปรุง คิทก็รู้สึกว่าการขอโทษมันไม่ใช่เรื่องที่ผิด พี่ๆ ก็คงรับรู้ได้แล้วว่าคิทขอโทษจริงๆ วันนั้นคิทก็เด็กเกินไป แต่คิทไม่สามารถจะย้อนเวลาได้ คิทว่าเป็นการที่เราอยู่กับสิ่งที่ผิดพลาดแล้วต้องเดินก้าวต่อไปข้างหน้ายังไงต่อมากกว่า ในช่วงเวลานั้นคิทกับพี่ๆ สื่อก็อาจจะมีผิดใจกันเนอะ คนดูคนทั่วๆ ไปหลายคนก็อาจจะไม่ค่อยชอบคิทอะไรแบบนี้ค่ะ คิทก็เลยคิดว่าการที่จะเป็นคนในวงการนี้ เป็นดารา เป็นนักแสดงต้องอยู่ด้วยความรัก ความชื่นชอบแล้วก็ต้องอยู่กับทุกคนให้ได้ ที่ผ่านมาคิทก็รู้ว่าคิทไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น ถ้ามันไม่เหมาะกับเรา เราก็ควรจะเดินจากไป ไม่ใช่ให้เขาไล่”
“ในตอนนั้นก็ไม่ได้บอกว่าจะออกจากวงการ แค่รู้สึกเหนื่อย หรือว่ามันอาจจะไม่เข้ากับเราจริงๆ หรือเปล่า สุดท้ายงานที่เราทำมันก็พิสูจน์ว่า ถ้ามันเป็นงานที่เราตั้งใจทำจริงๆ คนอื่นก็น่าจะเห็นมัน ก่อนหน้านี้คิทอาจจะน้อยใจด้วยล่ะว่าหลายๆ คนก็มองคิทแค่ว่าเป็นแฟนใคร หรือคบใคร ไม่เคยมีใครมองว่าคิทพยายามหรือคิตสู้บ้างไหม ก็มีหลายๆ งานที่เขาไม่อยากได้เราไปทำงานด้วย จะเพราะว่าจากข่าวหรือจากอะไร มันก็ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกบรรจุลงไปในข่าว หลายคนก็เห็นอย่างนั้นคิทก็เข้าใจ หลายคนก็เลือกที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาดีกว่า ถามว่านอยส์ไหม ก็ไม่ได้นอยด์ค่ะ จริงๆ ก็ปกติดี แต่เวลามันก็ทำให้คิทได้เรียนรู้ ว่าโอเคถ้าเราอยากทำงานในวงการ อยากเป็นนักแสดง เราก็ต้องอ่อนข้อบ้าง เราต้องประณีประนอมกับทุกคนให้ได้ ไม่ใช่ว่าจะแข็งอย่างเดียว”
“จริงๆ คิทก็อยากจะพิสูจน์ตัวเองแล้วมันมีผลงาน (ซีรีส์เด็กใหม่) เข้ามาพอดี เหมือนเป็นโอกาสที่ดีให้กับคิท คือทุกคนก็รู้ว่าคิทมีกระแสด้านลบกันหมด ทางทีมงานเขาก็ให้โอกาสคิทว่า ถ้ายูพยายาม ยูเต็มที่กับมันก็ลองดู เราให้ใจยู คิทก็เลยคิดว่าโอเคงั้นคิททำแบบทุ่มสุดตัวก็แล้วกันให้กับโปรเจคนี้ แล้วก็หวังว่าคนจะมองเราในด้านอีกด้านหนึ่งบ้าง ไม่ใช่เพราะว่าตัวเราเป็นคนยังไง”
“ในตอนนี้คิทก็ยังเป็นตัวเองเหมือนเดิมอยู่ประมาณหนึ่งค่ะ คิทก็ตั้งใจที่จะรับงานที่คิดว่าตัวเองสนุกและอยากทำจริงๆ ก็ไม่ได้อยากกอบโกยในช่วงเวลานี้หรืออะไร อยากค่อยๆ ไปแล้วก็ยังรู้ตัวดีว่าเราเป็นนักแสดง เราไม่เหมาะจะเป็นดารา เราก็ไม่ใช่ต้นแบบที่ดีของใครมาตั้งแต่แรก ตอนนี้ก็ยังไม่ใช่ค่ะ คิทคิดว่ายังไม่อยากจะละทิ้งหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ของตัวเองทั้งหมดเพื่อจะก้าวไปเป็นความสมบูรณ์แบบที่ทำให้คนสามารถมองขึ้นไปได้ คิทก็มีนิสัยไม่ดีอะไรหลายๆ อย่าง รู้ตัวว่าเป็นคนที่ไม่เพอร์เฟ็กค์ รู้ตัวด้วยว่าเราไม่พร้อมที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อที่จะก้าวขึ้นไปตรงนั้น ก็ขอเป็นแค่ดินก็แล้วกันค่ะให้เห็นเรื่อยๆ ไม่ขอเป็นดาว”
สั่งซื้อ Kazz Magazine เล่ม 145 ฉบับเดือน สิงหาคม
หรือดาวน์โหลด E-Book