ดูเหมือนว่าผู้คนจำนวนมากในสหรัฐอเมริกาจะไม่อยาก Stay home กันแล้ว หลังจากที่เริ่มมีการชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้ปลดล็อคมาตราการเข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในหลายรัฐ ทั้งๆ ที่สหรัฐอเมริกามียอดผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 726,645 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 37,938 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในโลกขณะนี้ตามการรวบรวมสถิติของมหาวิทยาลัย John Hopkins
ซึ่งการเรียกร้องให้มีการชุมนุมยุติมาตรการปลดล็อคในหน้า Facebook ในหลายรัฐ อาทิ แมริแลนด์, วิสคอนซิน, เวอร์จิเนียและเพนซิลเวเนีย ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีผู้เข้าร่วมกี่คน แต่ทั้งสี่กลุ่มมีสมาชิกมากกว่า 100,000 คน และที่รวมกันสัปดาห์ก่อนหน้านี้คนหลายพันคนก็เข้าร่วมการชุมนุมในรัฐมิชิแกนที่ดูเหมือนจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับการประท้วงไปจนถึงการประท้วงต่อต้านการปิดโรงงานก็มีขึ้นในโอไฮโอนอร์ทแคโรไลนา, มินนิโซตา, ยูทาห์, เวอร์จิเนียและเคนทักกี
นอกจากนี้ชายหาดและสวนสาธารณะในแจ็กสันวิลล์ รัฐฟลอริดาได้เปิดให้บริการอีกครั้งท่ามกลางการเรียกร้องให้รัฐต่างๆ ลดมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้มีฝูงชนจำนวนมากมาทำกิจกรรมชายหาดโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย ทางด้านนายกเทศมนตรีเมืองแจ็กสันวิลล์รัฐฟลอริดากล่าวว่าชายหาดและสวนสาธารณะของเมืองจะเปิดให้บริการอีกครั้งในเวลา 17.00 น. ในวันศุกร์ แต่มีข้อจำกัด เนื่องจากการระบาดของโรค COVID-19 ยังคงดำเนินต่อไปทั่วรัฐและประเทศ โดยชายหาดและสวนสาธารณะจะเปิดให้บริการสำหรับกิจกรรมที่จำเป็นเท่านั้นตามคำสั่งของ Ron DeSantis ผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาล ตามรายงานของมหาวิทยาลัย John Hopkins แจ็กสันวิลล์มีการบันทึกผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID-19 จำนวน 817 รายเสียชีวิต 15 ราย
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเพราะเห็นด้วยกับการประท้วง ในข้อความที่ทวีตเขาเขียนว่า: “LIBERATE MINNESOTA”, “LIBERATE MICHIGAN” และจากนั้น “LIBERATE VIRGINIA”
ข้อมูลจาก : thehill.com, dailymail.co.uk, Twitter realDonaldTrump, John Hopkins University
ภาพจาก : unsplash, Twitter realDonaldTrump