วิกฤติ! อเมริกามียอดผู้เสียชีวิตจาก COVID-19​ พุ่งเกิน 53,000 ราย ในขณะที่บางรัฐเริ่มปลดล็อค​

สถานการณ์​การ​แพร่ระบาด​ของ​ไวรัส​ COVID-19​ ในประเทศสหรัฐ​อเมริกา​ในตอนนี้ยังคงวิกฤติ​ ล่าสุดมีรายงานผู้​เสียชีวิต​ชาวอเมริกันจาก COVID-19​ เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมากว่า 53,396 ราย ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตราว 2,000 รายต่อวัน ตามรายงานการรวบรวมสถิติตัวเลขของมหาวิทยาลัย John​ Hopkins​ ในช่วงเช้าของวันอาทิตย์เผยว่าสหรัฐอเมริกา​มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสจำนวน 933,933 ราย มีผู้เสียชีวิต 53,449 ราย รัฐนิวยอร์ก​ครองแชมป์มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 282,143 ราย มีผู้เสียชีวิต 22,009 ราย

ในขณะที่หลายรัฐเริ่มที่จะทำการปลดล็อค​และเปิดทำการใหม่สำหรับธุรกิจบางธุรกิจในสุดสัปดาห์นี้เนื่องจากผู้ว่าการทั่วประเทศต้องเผชิญกับเวลาและวิธีการจำกัด รวมถึงข้อจำกัดในการควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส​ COVID-19​ ส่งผลทำให้คำสั่งกักตัวอยู่บ้านในรัฐจอร์เจียจะสิ้นสุดในวันที่ 30 เมษายนนี้ โดย Gov. Brian Kemp ผู้ว่าการรัฐจอร์เจียได้ประกาศในสัปดาห์นี้ว่าเขาจะอนุญาตให้ธุรกิจบางอย่าง รวมถึงร้านทำผมและยิม เริ่มกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้งในวันศุกร์ ขณะที่ ​Keisha Lance Bottoms นายกเทศมนตรีเมืองแอตแลนตายังคงยืนกรานประกาศขอร้องให้ทุกคนกักตัวอยู่บ้านเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด​ของไวรัส COVID-19​ และในรัฐโอคลาโฮมาซึ่งมีผู้ป่วยติด​เชื้อไวรัส​และเสียชีวิตน้อยกว่ารัฐจอร์เจียก็ได้เริ่มเปิดร้านทำผมและเล็บ และธุรกิจอื่น ๆ พร้อมกับสวนสาธารณะของรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในรัฐโอคลาโฮมาอนุญาตให้โรงพยาบาลเริ่มทำการผ่าตัดอีกครั้งในวันศุกร์ ​

ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเตือนว่าการปลดล็อคและเปิดทำการธุรกิจใหม่เร็วเกินไป อาจส่งผลให้เกิดคลื่นลูกที่สองของการแพร่ระบาด​ของไวรัส COVID-19​ อย่างไรก็ตามแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้บังคับให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องตัดสินใจที่ยากลำบากเนื่องจากมีชาวอเมริกันกว่า 26 ล้านคนได้สมัครยื่นประกันการว่างงานรอบแรกตั้งแต่เดือนมีนาคม

Source : dailymail, hthehill, John Hopkins University

สั่งซื้อ Kazz Magazine ได้ที่