THE HANDMAIDEN

posterphoto724917THE HANDMAIDEN
ล้วง เล่ห์ ลวง รักใสซื่อคือฉากหน้า ปรารถนาคือความจริง

เข้าฉาย 11 สิงหาคม 2559

แนว: ดราม่า, ระทึกขวัญ

ผู้กำกับ: ปาร์ค ชานวุค (Park Chan-wook – Oldboy, Sympathy for Lady Vengeance, I Am A Cyborg but that’s OK, Stoker)

นักแสดง        

คิม มินฮี (Kim Min-hee – No Tears for the Dead, Right Now Wrong Then)

         คิม เตรี (Kim Tae-ri – Moon Young)

         ฮา จองอู (Ha Jung-woo – The Chaser, The Berlin File, Assassination)

โช จินวุง (Jo Jin-Woong – Roaring Current, Assassination)

ผลงานสายประกวดหลักเข้าชิงปาล์มทองคำ (Palme d’Or)ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 69 ปี 2016

ในเกาหลี ปี 1930 ยุคที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น หญิงสาวนามว่า ซุกฮี (คิม เตรี) เข้ามาทำงานเป็นสาวใช้ให้คุณหญิง ฮิเดโกะ (คิม มินฮี) ผู้เก็บเนื้อเก็บตัวที่ลุง โคซุกิ (โช จินวุง) คอยบงการชีวิตคุณหญิงตลอดเวลา ภายใต้ความไร้เดียงสาของซุคี แท้จริงแล้วเธอคือโจรล้วงกระเป๋าที่เจ้านาย ฟูจิวะระ (ฮา จองอู) ส่งมาเป็นนางนกต่อ เพื่อให้เขาได้แต่งงานกับฮิเดโกะแล้วเอาสมบัติ ทว่าความรู้สึกผูกพันระหว่าง ซุกฮี กับคุณหญิงกลับลึกซึ้งจนนำไปสู่การหลอกลวง และหักหลังครั้งใหญ่

เรื่องน่ารู้

  1. ปาร์ค ชานวุค ผู้กำกับหนังฮือฮาอย่าง Oldboy นำนิยายเรื่อง Fingersmith ของ ซาราห์ วอเตอร์ส มาเล่าเรื่องใหม่โดยเปลี่ยนฉากหลังจากอังกฤษยุควิคตอเรียน มาเป็นเกาหลียุคที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่นในปี 1930 (ถูกนำมาสร้างเป็น มินิซีรีส์ ออกอากาศทางช่อง BBC ในชื่อเดียวกัน และ มีนวนิยายแปลไทยโดย นันทวัน เติมแสงศิริศักดิ์ ชื่อ เล่ห์รักนักล้วง วางจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์ Bliss)
  2. เดิมหนังเรื่องนี้ตั้งใจจะทำในรูปแบบหนัง 3 มิติ
  3. หนังเข้าฉายสายประกวดหลักชิงปาล์มทองคำในเทศกาลหนังเมืองคานส์ กระแสตอบรับส่วนใหญ่ไปในแง่บวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงของสองนักแสดงนำหญิง คิม มินฮี และดาวรุ่ง คิม เตรี ที่มากด้วยฝีมือเข้มข้น ความร้อนแรงและเสน่ห์ในบทคู่รัก (เทียบเท่า เคท แบลนเช็ตต์ กับ รูนี่ย์ มาร่า จากเรื่อง Carol เมื่อปี 2015 และ เลอา            เซย์ดูซ์ กับ อเดล เอ็กซาโคปูลอส จาก Blue is the Warmest Color เมื่อปี 2013 )

 

บทสัมภาษณ์ผู้กำกับ

คุณเลือกโปรเจกต์นี้เป็นผลงานต่อไปได้อย่างไร

ปาร์ค ชานวุค: มันก็เหมือนกับกรณีของหนังเรื่อง OldBoy คือผู้อำนวยการสร้าง ซิด ลิม นำนิยายต้นฉบับมาเสนอให้ผม แล้วถามว่า “คุณคิดอย่างไร” เมื่อผมอ่านหนังสือจบไปบทที่ 1 ผมตื่นตะลึงมากๆ ผมชื่นชอบสไตล์การเขียนอันจัดจ้านและละเอียดละออ ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องของผู้หญิงสองคนที่เป็นศูนย์กลางของเนื้อเรื่องมันรู้สึกมีชีวิตชีวาจริงๆ คนหนึ่งมีอดีตอันดำมืดและอีกคนก็อยู่กับปัจจุบันที่ไร้ความหวัง แต่ทั้งสองก็เผยความเป็นปัจเจกบุคลและเสน่ห์อันแรงกล้าอีกด้วย

ทำไมคุณถึงกำหนดท้องเรื่องให้เกิดขึ้นในยุคอาณานิคม ปี 1930 จากต้นฉบับเป็นยุควิคตอเรียน ของอังกฤษ

ปาร์ค ชานวุค: มันมีเหตุผลตามความเป็นจริงอยู่แล้ว เมื่อคิดถึงองค์ประกอบของพล็อตหนังเกี่ยวกับสภาพสังคม ที่มีการแบ่งแยกชนชั้น มีอาชีพคนรับใช้ มีคนที่ชอบเก็บสะสมทรัพย์อันแสนหายาก อีกเหตุผลหนึ่งคือมันเป็นยุคที่วิถีชีวิตดั้งเดิมบางส่วนยังคงอยู่ แต่ความทันสมัยเริ่มเข้ามีบทบาท

ผลงานหนังที่ผ่านมาส่วนใหญ่มักมีการออกแบบงานสร้างที่สะดุดตา แต่เรื่อง The Handmaiden กลับโดดเด่นเป็นพิเศษจริงๆ คุณช่วยอธิบายวัตถุประสงค์และแนวคิดในด้านการกำกับศิลป์ได้หรือเปล่า

ปาร์ค ชานวุค: บ้านเป็นส่วนสำคัญเลยล่ะ คิม เฮซุค กล่าวไว้ตอนต้นว่า “ไม่มีที่ไหนเท่าญี่ปุ่นที่คุณสามารถหาบ้านที่ผสมผสานระหว่างสไตล์ญี่ปุ่นกับตะวันตก มันสะท้อนให้เห็นความชื่นชมของนายท่านโคซุกิต่อญี่ปุ่นและอังกฤษ” ดังนั้นเมื่อตัวละครเข้าไปในอาณาบริเวณที่เป็นแบบญี่ปุ่น พวกเขาต้องถอดรองเท้า และเมื่อผ่านบริเวณที่เป็นแบบตะวันตก เขาก็ต้องใส่รองเท้ากลับไปอีกครั้ง ลักษณะกายภาพของบ้านก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ห้องของคุณหญิงฮิเดโกะอยู่ในส่วนที่เป็นสไตล์ตะวันตก เธอเลยนอนบนเตียงและใช้ชีวิตแบบคุณหญิงตะวันตก ตรงข้ามกับห้องของสาวใช้ที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่น สาวใช้ซุคีก็นอนในตู้ใหญ่สำหรับเก็บฟูก (โอชิอิเระ)

สถานที่สำคัญที่สุดในแง่ของการออกแบบงานสร้างก็คือห้องสมุด ลักษณะภายนอกจะเป็นงานสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมส่วนภายในจะเป็นแบบตะวันตก แล้วภายในห้องสมุดก็จะมีบริเวณที่ปูด้วยเสื่อตาตามิซึ่งทำให้ดูเหมือนสวนญี่ปุ่นที่ประดับด้วยกรวดหินสีขาว ก้อนหิน และลำธาร สวนญี่ปุ่นก็คือแบบจำลองโลกใบหนึ่งให้มีขนาดเล็ก มีภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบและผืนป่า ดังนั้นการตกแต่งภายในอาณาบริเวณของลุงโคซุกิก็เหมือนการสร้างโลกใบใหม่ในอาณาจักรของเขา

ถามถึงการเคลื่อนกล้องในหนัง ฉันไม่คิดว่าได้ดูหนังที่มีการเคลื่อนกล้องแบบหนังเรื่องนี้มาก่อนเลย

ปาร์ค ชานวุค: บ้านในหนังเรื่องนี้ใหญ่มากนะ และมีตัวละครไม่กี่คนในพื้นที่โล่งและใหญ่กว้าง อีกทั้งมันก็มีหลายฉากที่เราเห็นจากมุมมองของซุคีในบทที่ 1 จากนั้นก็มุมมองของฮิเดโกะในบทต่อมา ทั้งเรื่องจึงกลายเป็น “เกมแห่งการชำเลือง” ที่คนๆนั้นกำลังจับตาอีกคนหนึ่ง หรือหลบหน้าคนๆนั้น หรือสงสัยเกี่ยวกับมุมมองของอีกคนหนึ่ง มีหลายครั้งที่ถ่ายออกมาได้ดีที่สุดในรูปแบบโคลส-อัพ และหลายครั้งที่ต้องเคลื่อนกล้องไปมาแล้วมันได้ผล

จริงๆแล้ว ตอนแรกผมตั้งใจจะถ่ายหนังด้วยเทคนิคหนัง 3 มิตินะ หลายคนมักใช้สำหรับหนังไซไฟหรือหนังแอ็คชั่น แต่ผมคิดว่าคงน่าสนใจแน่ๆถ้าใช้ในหนังดราม่าพีเรียด เทคนิค 3 มิติจะช่วยเน้นมุมมองของแต่ละตัวละครในรูปแบบที่จับต้องได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำเพราะข้อจำกัดเงินทุน กระนั้นเทคนิคการเคลื่อนกล้องก็สามารถมาแทนที่ได้ที่ผมต้องการ

คุณช่วยเล่าเรื่องการตัดสินใจใช้เลนส์ Anamorphic ได้หรือเปล่า ฉันได้ยินมาว่าคนออกแบบงานสร้างต้องจัดสถานที่ให้กว้างเพื่อเหมาะสมกับเลนส์กล้องที่จะถ่าย

ปาร์ค ชานวุค: ผมคุยกับผู้กำกับภาพเป็นเวลานานพอสมควรเรื่องใช้เลนส์ anamorphic ก่อนถ่ายทำหนัง ซึ่งเลนส์ประเภทนี้ถึงเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สุดล้ำในแบบที่เราสามารถถ่ายทำด้วยกล้องดิจิตอลได้ แต่ผมคิดว่าฟิล์มยังเหนือกว่าดิจิตอลอยู่นะ และถ้าผมมีทางเลือก ผมอยากถ่ายด้วยฟิล์มมากกว่า แต่บางอย่างที่เราทำได้ขณะถ่ายทำด้วยกล้องดิจิตอลคือมันต้องเอื้ออำนวยต่อการใช้เลนส์ประเภทนี้ ผมชื่นชอบถ่ายฟิล์มด้วยเลนส์ anamorphic แบบเก่า อีกทั้งผู้กำกับของผมก็สนใจที่จะผสมผสานเทคนิคดั้งเดิม (เลนส์สไตล์โบราณ) กับกล้องดิจิตอล ภาพที่ออกมาจึงดูเอกลักษณ์และเหมาะสมสำหรับหนังย้อนยุคอีกด้วย

อยากทราบว่าทำไมคุณถึงแจกซีดีเพลงให้ทีมนักแสดงและทีมงานฟังก่อนถ่ายทำหนัง

ปาร์ค ชานวุค: ผมไม่ได้วางแผนว่าจะใช้ดนตรีประกอบในหนัง ผมอยากให้นักแสดงและทีมงานรู้สึกถึงบรรยากาศของหนังทั้งหมดที่เราต้องการขณะเตรียมพร้อม จริงๆผมมีภาพวาดที่ร่างไว้บนสตอรี่บอร์ดนะ แต่ดนตรีก็มีผลต่อการสร้างสรรค์อารมณ์ด้วย ผมเลยเตรียมซีดีเพลง 3 แผ่นแล้วแจกจ่ายให้พวกเขาฟัง

เล่าเรื่องกระบวนการคัดเลือกนักแสดงดาวรุ่งอย่าง คิม เตรี

ปาร์ค ชานวุค: ผมต้องการนักแสดงหน้าใหม่อยู่แล้ว เราเลยเปิดออดิชั่นครั้งใหญ่ ได้เจอคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพมาหลายคน แล้วเป็นที่แน่ชัดว่าคิม เตรี นี่นแหละคือสาวใช้ซุคีของเรา เธอมีความเอกลักษณ์และเวลาเธอพูด เธอก็มีความเข้มแข็งในตัว นั่นเป็นความรู้สึกคล้ายกับตอนที่เราเลือก กัง เฮจอง (ที่แจ้งเกิดจากOldBoy) เธอเป็นคนที่สามารถถ่ายทอดมุมมองของเธอได้ดีทีเดียว

ฉันสงสัยว่าตอนร่วมงานกับฮา จองอู มีช่วงไหนที่เขาแสดงออกมาโดยไม่คาดคิดหรือท่าทางไหนที่คุณประทับใจบ้าง

ปาร์ค ชานวุค: ในหนังของผมทุกเรื่อง สิ่งที่ผมอยากจะนำเสนอมันแน่นอนอยู่แล้ว ผมไม่ใช่ผู้กำกับประเภทที่ว่ายื่นบทให้นักแสดง แล้วบอกว่า “คุณลองตีความดูสิ” เทียบกับผู้กำกับคนอื่น ผมให้ข้อจำกัดสำหรับนักแสดง แต่มีหลายครั้งที่นักแสดงเก่งๆเผยความรู้สึกออกมาในวงจำกัดซึ่งทำให้ผมทึ่งจริง นั่นเป็นการแสดงที่ผมคาดหวังไว้ซึ่งเกิดขึ้นน้อยมากๆ

 

คุณเคยบอกว่าหนังของคุณเรื่องก่อนๆประกอบด้วยอารมณ์ขันที่ปรุงแต่งมาอย่างดี

ปาร์ค ชานวุค: อารมณ์ขันในหนังเรื่องนี้มาจากการที่ตัวละครพยามปกปิดตัวตนที่แท้จริงและมาจากการแสดง มันมีหลายฉากที่พวกเขาซุกซ่อนความรู้สึกและคิดถึงบางอย่างที่แตกต่างจากสิ่งที่เขาพูด ต่อให้ผู้ชมไม่ได้หัวเราะออกมา ผมคิดว่าผู้ชมก็จะสนุกสนานไปกับอารมณ์ขันร้ายๆผ่านหนังเรื่องนี้

คุณลองบรรยายหนังเรื่องนี้เป็นประโยคสั้นๆ

ปาร์ค ชานวุค: มันคือหนังระทึกขวัญเกี่ยวนักต้มตุ๋น เรื่องราวสุดเข้มข้นที่มาพร้อมกับจุดหักมุมแบบคาดเดาไม่ได้ และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือหนังรัก