เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแมตช์ที่มีความมันไม่น้อย สำหรับคู่ชกอีกหนึ่งคู่ของศึก “10 Fight 10” ระหว่าง “ดิว” ภัทรพล กันตพจน์ หรือ ดิว เดอะสตาร์ และ “แอนด์ดรูว์” กรเศก โคร์นิน เมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ก.ค.)
และก็ทำเอาแฟนคลับเป็นห่วงไม่น้อยเช่นกัน หลังจากที่ “ดิว ภัทรพล” เกิดอาการวูบ หายใจไม่ทันในยกที่ 3 จนกรรมการต้องยุติการชก ซึ่งต้องหามดิวลงแปล ให้ออกซิเจน และพาส่งโรงพยาบาลในที่สุด ล่าสุด ดิว ได้ออกมาโพสต์แจ้งข่าวผ่านเฟซบุ๊ก ถึงสาเหตุของอาการวูบในเมื่อคืนที่ผ่านมา ว่าเป็นอาการของไตวายเฉียบพลัน โดยร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ เลือดเป็นกรดสูง ซึ่งเป็นผลมาจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาอันสั้น (42 วัน ลดลงไป 15 กิโลกรัม)
อีกทั้งเจ้าตัวยังได้เล่าเหตุการณ์ตอนอยู่บนเวที ในขณะที่ขึ้นชกในยก ที่ 3 ที่ตนได้พยายามบุกเต็มที่เพื่อทำคะแนนให้มากที่สุด แต่สุดท้ายร่างกายไม่ไหว จนกรรมการต้องยุติการชก เพราะเห็นตนอาการไม่ดี ซึ่งหลังจากลงมาจากเวทีแล้วนั้นอาการก็หนักขึ้นกว่าเดิม แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต ถึงขนาดที่เจ้าตัวบอกว่า “ตอนนั้นผมคิดว่าผมได้เข้าใกล้ถึงความตายมากที่สุดแล้วในชีวิต”
ฝากข้อความถึงแฟนๆรายการ 10Fight10 ทุกคนนะครับ ข้อความนี้อาจจะยาวมาก แต่ผมอยากให้อ่านทุกคำ เพราะผมเขียนมันออกมาจากใจครับ
อันดับแรก ผมต้องกราบขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวังนะครับ ตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อาการคือ ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ เลือดเป็นกรดสูง ไตทำงานหนัก ผลสืบเนื่องมาจากการลดน้ำหนักจำนวนมาก ในระยะเวลาอันสั้น คือ 42 วัน ลดลงไป 15 กิโลกรัม เพื่อทำน้ำหนักให้ได้ตามพิกัดที่ตกลงกันไว้ที่ 75 กิโลกรัม และวันนี้ผมได้ตัดอาหาร ตัดน้ำ อมแค่น้ำแข็งแข็งเพื่อดับความกระหายน้ำ ตื่นเช้าวิ่งรีดเหงื่อให้ออกมากที่สุด เพื่อที่จะให้น้ำหนักลดลงเหลือ 80 กิโลกรัม จะได้โดนตัดคะแนนน้ำหนักเกินแค่ 1 คะแนนพอ จนส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำ ขาดเกลือแร่ ส่งผลให้ผมเหนื่อยล้าง่ายกว่าปกติมาก ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงและให้กำลังใจนะครับ ตอนนี้อาการดีขึ้นตามลำดับแล้ว ผมเป็นคนนิสัยอดทนอดกลั้นกับทุกเรื่อง ทุกเหตุการณ์ในชีวิต แต่เรื่องนี้ผมอดทนมันไม่ไหวจริงๆ
อีกเรื่องที่อาจไม่มีใครรู้เยอะ คือผมสายตาสั้นราวๆ 400 ผมจึงต้องใส่คอนแท็คเลนส์เกือบจะตลอดเวลา เพราะถ้าถอดออกมันก็จะแทบมองอะไรไม่ชัดเจน ซึ่งในการขึ้นชก ผมคุยปรึกษากับโค้ชอองตวน ว่าควรใส่หรือถอดดี เนื่องจากทุกครั้งที่ซ้อมลงนวม โดนชกจังๆ มันมักจะหลุดเสมอและทำให้เสียสมาธิในการชกเพราะเรามองไม่ชัดเจน สุดท้ายผมจึงผมก็ตัดสินใจที่จะใส่คอนแท็คเลนส์ขึ้นชก เพราะผมไม่อยากกังวลเรื่องการมองเห็นไม่ชัดเจน จนมาถึงช่วงยก 2 ผมโดนหมัดขวาเข้าที่ตาข้างซ้าย จึงทำให้คอนแทคเลนส์หลุดออกมา จนแอนดรูเห็น เขาก็มองตามและหยุดเข้าชกผม ทั้งๆที่เขาสามารถเข้ามาต่อยซ้ำก็ได้ แต่แอนดรูไม่ทำต่อ และชกประคองกันจนหมดยกที่สองด้วยความเหนื่อยทั้งคู่ แล้วผมก็เข้ามุมไปใส่คอนแท็คเลนส์อันใหม่
จนผ่านไปถึงยกที่ 3 ผมตั้งใจจะบุกเต็มที่เพื่อทำคะแนนให้มากที่สุด แต่ด้วยร่างกายเริ่มเหนื่อยล้า ผมจึงขาดสติ ไม่คำนวนแรงตัวเองดีๆ ผมจึงเดินเข้าใส่แอนดรูพยายามชกให้เข้าเป้าให้มากที่สุด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือผมเริ่มรู้สึกหมดแรง หน้ามืด ภาพมันเริ่มมืดลงเรื่อยๆ จนกรรมการเห็นอาการไม่ดี ต้องเข้ามานับ ตอนนั้นในใจผมยังไหว อยากชกต่อให้เสร็จ แต่ด้วยอาการผมที่กรรมการเห็น กรรมการจึงยุติการชกลงในที่สุด ผมรู้สึกเสียดายมาก ผมยังอยากชกต่อ หลังจากนั้น ผมเริ่มรู้สึกภาพมืดลงกว่าเดิม มีอาการปวดตามขา ไล่ขึ้นมาจนถึงลำตัว และแขนมากๆ มากแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต ผมปวดทั้งตัวทรมานจนผมไม่สามารถจะยืนต่อไปได้ รู้ตัวอีกทีผมก็อยู่บนเปลขึ้นรถพญาบาลแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนรู้สึกว่าจะขาดใจตาย ไม่สามารถดมแอมโมเนียหรืออ๊อคสิเจนได้เลย ผมดึงมันออกทุกอย่าง ตัวเกร็ง ตะคริวไปทั่ว หายใจถี่ หัวใจเต้นไปมากกว่า 180-190 ครั้งต่อนาที ซึ่งพร้อมช็อคได้ตลอดเวลา ตอนนั้นผมคิดว่าผมได้เข้าไกล้ถึงความตายมากที่สุดแล้วในชีวิต แต่พอถึงโรงพญาบาล อาการก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ เจาะเลือดไปตรวจ คุณหมอบอกว่า เลือดเป็นกรดสูง ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ ไตทำงานหนักเกินไป หมอเลยให้น้องแอดมิดเพื่อดูอาการ 1 คืน มีการให้ยา น้ำเกลือ อ็อคซิเจน และอาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับและน่าจะกลับบ้านได้เร็วๆนี้
อัพเดตอาการล่าสุด คุณหมอวินิจฉายตามอาการและผลการตรวจเลือด สรุปคือ ไตวายเฉียบพลัน ร่างกายขาดน้ำมาก ขาดเกลือแร่ จนทำให้เป็นตะคริวตามส่วนต่างๆ ตอนนี้คุณหมอให้ยา และน้ำเกลือ อาการดีขึ้นตามลำดับ มีอาการไอ หลอดลมตีบแทรกซ้อนแต่ไม่น่าห่วงอะไรมากนัก อาการตระคริวหายไปแล้ว ความดันยังสูงอยู่ ใจสั่นเล็กน้อยอาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่หมอให้มา
สุดท้ายนี้ ขอขอบพระคุณ พี่เจ พี่แก้ว ขอบคุณบริษัทเวิร์คพอยท์ และบริษัทเจมีดี พี่โมและทีมงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ให้โอกาสผมเข้าไปร่วมชกในรายการนี้ รายการนี้ได้ให้หลายสิ่งหลายอย่างกับชีวิตผมมากจริงๆ ทำให้ผมได้ลุกมาทำในสิ่งที่ผมไม่เคยทำ ได้ก้าวผ่านขีดจำกัดหลายๆอย่างในร้่งกายเรา ถึงแม้ว่าผมจะทำไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ แต่มันก็ดีและคุ้มที่ได้ทำไป ขอบคุณพี่น้องทีมแบล็ค ที่ช่วยเหลือเป็นกำลังใจให้ผมตลอด โดยเฉพาะพี่บีม ศรัญญู ที่ช่วยเหลือให้คำแนะนำทุกอย่าง มีอุปกรณ์ชกมวย หรือ ตัวช่วยดีๆมาให้ผมตลอดมา ผมรักพี่นะพี่บีม
ขอบคุณ แอนดรู และทีมไวท์ ทุกคนคือ ครูบาอาจารย์ของผม สอนผม ทำให้ผมลุกขึ้นมาเรียนรู้ และซ้อมมวยอย่างจริงจังตลอดมาจนผมต้องเสียน้ำตาเพราะความเหนื่อย ทรมานและความกดดันต่างๆมากมาย ขอบคุณจากใจจริงๆครับ ขอบคุณ โค้ชอองตวน โค้ชลีโอ ครูนิว ครูโน้ต พี่โบ้ ที่ช่วยดูแล ช่วยสอนเชิงมวย ให้วิชาผม ทำให้ผมรู้จักมวยสากลมากขึ้น ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นกว่าเดิมที่เคยมี ถ้าไม่มีโค้ช ไม่มีครู ผมคงชกมวยไม่เป็น ผมเริ่มจาก 0 จริงๆ ขอบพระคุณครับ
ขอบคุณพี่ๆกลุ่มศิลปินเพื่อสังคม พี่โรจ พี่ๆวงเพลกราวด์ น้าเอ๊ะ จิรากร พี่เอ็ม อรรถพล ดีเจเด ดาวิเด จุ๊บจิ๊บ เชิญยิ้ม พี่อ้อป แม็กส์ โคไดรเวอร์ เต๋า AF พี่อาร์ เดอะสตาร์ ขอบคุณที่สละเวลามาเชียร์ และเป็นกำลังใจให้ตลอดการซ้อมที่ผ่านมา และพี่ตามมาส่งถึงโรงพยาบาล ส่งถึงห้องพัก ขอบคุณพี่ต้น พี่ตุ้ม ผู้จัดการ ผู้ดูแลที่ดูแลอย่างดีเสมอมา ถึงผมจะดื้อขนาดไหน พี่ๆก็ยังดูแลผมเสมอมา ขอบคุณพี่เฮ้าส์ AiA ที่ดูแลผม ตามมานวดแก้อาการเกร็ง อาการตระคริวผมที่เท้า มานวดถึงในห้องฉุกเฉิน ผมไม่รู้จะขอบคุณยังไง
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณแฟนๆรายการทุกคนที่ติดตามชมรายการ 10Fight10 กองเชียร์ทีมแบล็ค ที่ส่งข้อความมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก ไม่มีพวกคุณทุกคน ผมก็คงไม่มีกำลังใจจริงๆ ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ผมเป็นคนอดทนได้กับทุกๆเรื่องในชีวิต แต่วันนี้ผมทนไม่ไหวจริงๆครับ ร่างกายไม่พร้อมดั่งใจ เสียดายมากครับ ผมได้ทำเต็มที่สุดความสามารถแล้วครับ แค่ทำให้คนดูทุกคนสนุก ผมก็ดีใจแล้วครับ ขอบพระคุณครับ ด้วยรักและเคารพ❤️ ??? #10fight10 #22july2019 #10fight10presentedbygsbattery #teamblack #รัก ❤️?
โดยมีแฟนๆเข้าไปคอมเมนต์ให้กำลังใจคับคั่ง
ขอบคุณภาพจาก IG : dew_pattarapol , antoine_pinto, FB : Pattarapol Kantapoj