สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในตอนนี้ยังคงน่าเป็นห่วง ล่าสุดมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อมีมากถึง 150,000 คนทั่วโลก จนทำให้อเมริกาและอีกหลายประเทศในยุโรปและแอฟริกาอาทิ อิตาลีและสเปนได้ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
องค์การอนามัยโลกรายงานว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้แพร่กระจายไปยัง 147 ประเทศทั่วโลก ณ วันที่ 15 มีนาคมมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 18,982 คน ทำให้มียอดจำนวนผู้ติดเชื้อ รวมจากที่วันก่อนหน้านี้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 153,517 คน และจำนวนผู้เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มขึ้น 343 คนเป็น 5, 735 คน ส่งผลทำให้ผู้คนตื่นตระหนกออกมาซื้อหาเสบียงอาหารและของใช้ที่จำเป็นมากักตุนไว้ ทำให้เสบียงบางอย่างที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในช่วงสถานการณ์วิกฤติได้กลายเป็นของหายาก
ในขณะเดียวกันองค์การอนามัยโลกได้แสดงให้เห็นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าหลายประเทศในยุโรปเช่นอิตาลีและสเปน “เป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดทั่วโลก” ของ COVID-19 ซึ่งในอิตาลีมีการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงที่สุดในวันที่ 15 จำนวนผู้เสียชีวิตต่อวันเพิ่มขึ้น 368 คน นับรวมยอดผู้เสียชีวิตจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาถึง 1, 809 คน
ล่าสุดประเทศเยอรมนีได้ประกาศห้ามให้มีการเดินทางเข้าและออกจากประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่รวมผู้ที่เดินทางข้ามพรมแดนตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม ส่วนประเทศอื่น ๆ อาทิ สาธารณรัฐเช็กและโปแลนด์ก็ประกาศปิดประเทศระงับเสรีภาพในการเดินทางชั่วคราวภายในสหภาพยุโรป – สหภาพยุโรป โดยห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศในที่มีการแพร่ระบาดในช่วงนี้
นอกจากนี้การแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังลุกลามกระจายไปยังแอฟริกา มีการรายงานข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่าเจ็ดประเทศและภูมิภาคใหม่รวมถึงนามิเบียและสาธารณรัฐคองโกได้รับการยืนยันการติดเชื้อใหม่เมื่อวันพุธที่ผ่านมาโดยมีผู้ติดเชื้อกว่า 100 คนทั่วแอฟริกา ส่งผลทำให้รัฐบาลของแอฟริกาได้ตื่นตัวมากขึ้น และได้ประกาศเหตุฉุกเฉินระดับชาติและประกาศมาตรการที่จะห้ามประชากรในประเทศเดินทางเข้าไปในประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19
ข้อมูลลจาก : who.int, nhk
ภาพจาก : pixabay