KAZZ Youngblood : รักแลนดิ้งที่ Kazz Magazine
กับสามหนุ่ม “โอ-มิว-สตรอง” What The Duck The Series
O – MEW – STRONG
“What The Duck The Series”
สตรอง เจริญชัย ขันติชัยขจร รับบทเป็น โอ๊ต
โอ ภูวนัย แสงวรรณ์ รับบทเป็น ป็อบ
มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ รับบทเป็น ปรีดิ์
คาแรกเตอร์ของโอ มิว สตรอง ใน What the Duck the Series
มิว : หล่อมากครับ (หัวเราะ)
สตรอง : สำหรับผมนะครับ สตรองรับบทเป็นโอ๊ตครับ (ยิ้ม) โอ๊ตเนี่ยจะเป็นคนนิสัยค่อนข้างห่ามๆ หน่อยครับ จะเป็นคนที่เหมือนเอาแต่ใจ แต่เขาเป็นคนที่เป็นคนใส่ใจคน และก็ทำอะไรเขาก็ทำก่อนที่จะคิด เขาจะใช้หัวใจนำความคิดฮะ
โอ : ส่วนป็อบก็เป็นคนที่มีความฝันครับผม แล้วก็เป็นคนที่ดูแลตัวเอง จนคนอื่นหาว่าเจ้าสำอาง (ยิ้ม)
มิว : ส่วนปรีดิ์เป็นสจ๊วตครับ ก็เป็นคนค่อนข้างจะมีมาดหน่อย และก็เป็นคนที่ยึดมั่นในความรักครับ รักเดียวใจเดียว และค่อนข้างซีเรียสกับความรัก ถ้าใครเป็นแฟนเรา ก็ต้องรักเราคนเดียว
คาแรกเตอร์ที่ได้รับแตกต่างจากตัวจริงของเราสามคนไหม
สตรอง : ถ้าถามว่าโอ๊ตกับผมต่างกันไหม ก็ต่างครับ โดยส่วนตัวผมจะเป็นคนเรียบร้อยครับ จะเป็นคนไม่ค่อยกวน แต่เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงกว่าโอ๊ต เพราะโอ๊ตเป็นคนที่เข้าหาคนเยอะ เข้าหาป่ะ (หัวเราะ) ก็ไม่รู้ตัวเอง แต่ก็มีมุมที่คล้ายๆ เหมือนกัน ไม่งั้นเขาคงไม่เลือกผมเข้ามาครับ (หัวเราะ)
โอ : ส่วนป็อบกับโอ ผมว่ามันไม่คล้ายแค่ความเจ้าสำอางครับผม นอกนั้นนิสัยใจคอก็คล้ายๆ กันหมดเลยครับ ผมไม่มีอะไรแตกต่าง เป็นคนทั่วไป มีโกรธก็คือโกธร มีเรื่องให้คิดก็คิด แต่ว่าจะไม่พูด สมมติเราไม่ชอบใครคนนึง เราก็แค่ไม่พูด
มิว : ส่วนปรีด์เนี่ย เป็นคนที่ค่อนข้างใช้อารมณ์ครับ และก็จะงี่เง่า ซึ่งตัวจริงของผมไม่งี่เง่า เป็นคนใจเย็นมากครับผม และไม่ค่อยใช้อารมณ์ เวลาเล่นต้องทำคาแรกเตอร์หนักมาก ในเวลาที่เราต้องใช้อารมณ์ (หัวเราะ)
ระหว่างการถ่ายทำทำบทหรือคิดว่าซีนไหนที่คิดว่ายาก
มิว : เลิฟซีนมะ (หัวเราะ)
สตรอง : ไม่ค่อยยากเท่าไร ของผมเลิฟซีนมันไม่หนักขั้นพี่ไง เลิฟซีนเป็นเรื่องที่แบบธรรมดาใช่ไหม แต่จะหนักไปฉากที่เป็นอารมณ์โกรธ เพราะผมเป็นคนที่ไม่ค่อยโกรธ พอมันต้องใช้ความคิด จินตนาการหลายๆ อย่างในการโกรธ แล้วเรารับผมเป็นโอ๊ต ซึ่งโอ๊ตเป็นพระเอกของเรื่องครีบ มันจะต้องโกรธแบบร้าย แต่มีมาดพระเอก แบบยาก ยากมาก จำได้ ซีนนั้นในห้องน้ำเป็นชั่วโมง ซีนเดียวของผมจะยากสุด โกรธๆ ถ้าจำได้ ซีนที่ ‘อีตุ๊ด เอ้ย ไม่ใช่ สำอาง คนแพ้รังสียูวี’ ซีนนั้นผมเล่นเป็นชั่วโมงเลย ยากมาก สภาพผมพังหมดแล้วเล่นเสร็จแล้วเครียดร้องไห้เลย
โอ : ส่วนของผมมันมีหลายซีนที่ยาก ตอนแรกจะเป็นซีนดรามา คือเราจะร้องไห้ไม่ได้ครับ เราไม่รู้สึก พอหลังๆ เราเกร็งหน้าปุ๊บ ไหลแล้ว ทีนี้กลายมาเป็นซีนธรรมดาและซีนตลกมากกว่าที่จะต้องใส่รายละเอียดเข้าไป ที่มันเล่นยากครับผม
มิว : ของผมเนี่ย ยากทั้งซีนดรามาและเลิฟซีนเลยครับ เพราะว่าในพาร์ตของผมเนี่ย เลิฟซีนค่อนข้างจะหนักมาก หนักมาก (หัวเราะ) แล้วก็ซีนแรกที่ถ่ายเป็นซีนที่อยู่ในโรงแรม ซีนนั้นถ่ายเป็นชั่วโมง ต้องอยู่กันเป็นชั่วโมง และเป็นเลิฟซีนที่ต้องใส่อารมณ์เข้าไป ไม่ใช่เลิฟซีนธรรมดา เพราะว่ามันเป็นซีน 2 คนมีความขัดแย้งกัน และต้องเลิฟซีนด้วย เลิฟซีนนั้นยากมาก แต่ละคนมีความคิดในหัว แล้วก็ต้องมีอะไรกันด้วย (หัวเราะ) มีซีนดรามาซีนนึงที่ถ่ายที่พัฒนาการ ที่ร้องไห้อยู่หน้าบันได ถ่ายนานมากที่สุดครับ 3 ชั่วโมง ซีนนั้นบิลท์อารมณ์ยากมาก คือเสียงรอบๆ เหมือนถ่าย 2 กองพร้อมกันแล้วดังมาก ผมก็ทำอารมณ์ไม่ได้สักทีผมต้องเดินไปข้างบนแล้วเดินลงมาร้องไห้ แล้วเราก็เดินไปที่ตรงบันได ก็บิลท์ๆ อยู่จะร้องไห้แล้ว ทีมงานเดินมาหยิกตูด (หัวเราะ) อารมณ์หายหมด เดินลงมาแบบไม่มีอารมณ์ครับ (หัวเราะ) บันเทิงครับกองนี้
ความคาดหวังของซีรี่ย์มากน้อยแค่ไหนของแต่ละคน
สตรอง : มันเป็นเรื่องแรกอะครับ ก็ต้องคาดหวังมาก (ยิ้ม) เป็นเหมือนใบเบิกทางของเรา เราสามารถเดินต่อไปได้อีกไหม และทุกคนตั้งใจทำมาก ก็เลยอยากให้คนที่ชม เข้ามาชม เข้ามารักในตัวละคร และก็อินไปกับตัวละครฮะ
โอ : ส่วนตัวโอก็คาดหวังครับ คาดหวังว่าทุกคนจะชอบซีรี่ส์ เพราะว่าเราใหม่อยู่ด้วย เราเป็นเรื่องแรก เราหวังว่าทุกคนจะชอบการแสดงของเรา ชอบในตัวละครทุกตัวละครในเรื่องนี้
มิว : ทุกคนตั้งใจมากครับ ทั้งนักแสดงและทีมงาน มันก็มีความคาดหวังแหละ แต่ว่าก็ควบคุมอะไรไม่ได้ ในฐานะนักแสดงเราก็ทำหน้าที่เต็มที่แล้ว เพราะว่าก็ถ่ายเสร็จหมดแล้ว (ยิ้ม) ก็อยากให้ทุกคนชอบซีรีส์เราครับ
อยากพัฒนาด้านไหนของเราเพิ่มขึ้นอีกไหม พอได้มาเล่นซีรี่ส์แล้ว
มิว : ของผมก็อยากพัฒนาด้านการแสดงอีก เพราะว่าระหว่างทางก็โดนด่าประจำ จะทำให้มันดีครับ และก็ถ้ามีโอกาสก็จะทำสายร้องเพลงอะไรพวกนี้ เล่นดนตรีครับ ก็เดี๋ยวจะมีเพลงของซีรีส์ที่จะได้ร้อง (ยิ้ม) ผมอยากจะเล่นกีตาร์ครับ เพราะปกติก็ฝึกกันอยู่แล้ว
โอ : ก็เหมือนพี่มิวเลยครับ ด้านการแสดงเหมือนทุกคน ตอนนี้เนี่ย ที่ถ่ายมา เหมือนเขาบอกว่าทุกคนมีอารมณ์ มีความรู้สึกที่โอเค แล้วมีความคิด จินตนาการที่โอเคแล้วในการแสดง แต่ทุกคนยังขาดการดีไซน์ซีน ไม่ว่าในซีนนั้นควรทำอะไร ซีนขาดความสมจริงไปบ้างครับ ก็อยากจะฝึกเรื่องนี้ ส่วนงานในวงการบันเทิง อยากจะลองด้านดนตรีดู แต่ไม่รู้จะไปรอดหรือเปล่า แต่อยากลอง (ยิ้ม)
สตรอง : ส่วนผมก็อยากได้เรื่องอารมณ์ครับ ผมเป็นคนเหมือนผ่านโลกมาน้อย อย่างซีนโกรธ ซีนร้องไห้ ผมจะไม่ค่อยมีอารมณ์ในด้านนี้เยอะ ทำให้พอเวลาเราเข้าฉากจริง การที่เราไม่มีพื้นหลังมาก่อน ทำให้เราดึงความเป็นตัวเราออกมาใช้ได้ เราก็เลยอยากทำมากกว่านี้ อย่างที่บอกว่าซีนโกรธ เราทำเป็นชั่วโมงเลยเพราะว่าเราไม่เคยมีโมเมนต์ในจุดนี้ ก็เลยอยากแสดงศักยภาพให้หลายๆ คน ‘เฮ้ย เราทำได้นะ เราสามารถเพิ่มไปได้เรื่อยๆ’ อยากให้ทุกคนคอยดูคอยติดตาม อยากให้ทุกคนทำงานด้วยแล้วสบายใจ ไม่ใช่ว่าเราอยู่มานั่งรอเรา เราก็อยากเพิ่มเพื่อไม่ให้เดือดร้อนคนอื่นหลายๆ อย่าง แค่นี้แหละฮะ (หัวเราะ) พูดเยอะเลย
อะไรคือจุดเด่นของ “What The Duck รักแลนดิ้ง” ที่แฟนๆ ไม่ควรพลาด
สตรอง : ผมว่าในเรื่องนี้ เป็นซีรีส์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ครับ อย่างตัวละครเนี่ย โอ๊ตไม่ได้เป็นคนที่รวยล้นฟ้า ทำให้คนสามารถมองเข้ากับตัวเรานะ ปรับได้ว่าคุณทำแบบนี้ ผลลัพธ์จะเป็นยังไง มันเป็นแนวคิดหลายๆ อย่าง ให้ทุกคนปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ครับ
โอ : อยากที่ตรองบอกครับ อย่างซีรี่ส์เรื่องนี้มีหลายคาแรกเตอร์มีหลายลักษณะนิสัย อย่างตัวละครที่เป็นวัยทำงานแล้ว ทั้งเป็นวัยพ่อแม่ วัยลูกๆ เขาก็แสดงนิสัยอย่างละช่วงวัย มันสะท้อนสังคมสมัยนี้ว่าในการทำงานจะต้องเจอยังไงครับผม
มิว : ผมคิดว่าเสน่ห์ของเรื่องนี้ มันเป็นความสัมพันธ์ของตัวละครครับ ตัวละครแต่ละตัวมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจะลึกซึ้ง แต่ละตัวก็มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันมาก ตัวละครที่เกี่ยวข้องกันเนี่ย ทำให้ซีรี่ย์มันน่าสนใจ เพราะว่าเหตุการณ์แต่ละอย่างที่เกิดขึ้น เกิดจากตัวละครทั้งนั้น ตัวละครแต่ละตัวเลือกทำแบบนี้ ทำให้ตัวเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ มีที่มาที่ไปแบบชัดเจน ไม่ใช่อยู่ดีมาก็โกรธ อยู่ดีๆ ก็มาร้องไห้ แต่ว่าเราโดนเรื่องนี้มาก่อน คนที่โดนกระทำมันร้ายแรงมากนะ อยากจะให้ลองดูความคิดของตัวละครครับ
สามารถติดตาม “What The Duck รักแลนดิ้ง” ได้ที่ไหน
โอ : ออนแอร์ทุกวันจันทร์-อังคาร 18.00น. ทางไลน์ทีวีครับ (ยิ้ม)
ดาวน์โหลดอ่าน e-Book
