การปรับตัวจากการเล่นซีรีส์สู่ละคร
ต้องปรับเยอะมากค่ะ เพราะว่าเราก็ไม่ใช่นักแสดงที่เก่งอะไรขนาดนั้น และก็เคยเล่นแต่ซีรีส์ ไม่เคยผ่านการเล่นละครมาก่อนเลย ตอนแรกเราก็กังวลว่าการเล่นซีรีส์กับการเล่นละครเนี่ย Tactics มันเหมือนกันหรือเปล่า เพราะว่าซีรีส์มันเหมือนเราใช้อินเนอร์ข้างใน แต่ว่าละครมันต้องใช้ทั้งอินเนอร์และเอาต์เทอร์คือมันต้องแสดงให้ใหญ่ขึ้นอีกสักเบอร์ถึงสองเบอร์น่ะค่ะ เราก็จะมีความงุนงงนิดนึงใน 2-3 คิวแรก แต่ว่าก็ค่อยๆ ปรับเข้าไปเรื่อยๆ ให้มันเข้ากับคนอื่นได้และก็พี่ๆ เขาก็ช่วยสอนด้วยค่ะ
ความคาดหวังกับละครเรื่องแรกของตัวเอง
จริงๆ เราก็คาดหวังกับทุกเรื่องที่เราเล่นนะคะ (หัวเราะ) แต่ว่าพอได้เห็นฟีดแบ็กก็ชื่นใจ ทุกคนอินมากๆ กับละครเรื่องนี้ อย่างเช่น บางคนที่ไม่ค่อยดูละครแล้วมาดูเรื่องนี้ก็แบบ ‘เฮ้ย ! รุ่นแม่มันมาก’ และเราเป็นตัวละครที่คอยสร้างสีสันในเรื่องอะไรแบบนี้เข้ามาก็จะสดใส ไม่ใช่หม่นๆ ทุกคนจะเป็นคาแรกเตอร์เทาๆ ดำๆ เราจะเข้ามา ปิ๊ง (ยิ้ม) ถือว่าเป็นการพักความเครียดระหว่างเรื่อง
งานที่คิดว่ายากที่สุดที่เคยทำมา
ส่วนตัวคิดว่าการเป็นพิธีกรยากค่ะ คือเราเคยเป็นพิธีกรมาก่อน ในค่ายตัวเองเนี่ยแหละค่ะ แล้วเรารู้สึกว่ามันยากมาก แต่มันก็ช่วยหลายอย่างนะคะ ช่วยให้เราพูดเร็วขึ้น พูดรู้เรื่องขึ้น และก็มีความรู้รอบตัวกว้างขึ้นด้วย แต่ว่าเบลล์ไม่สามารถเป็นพิธีกรสดได้ เพราะรู้สึกว่าเราเอาตัวรอดในเหตุการณ์เฉพาะหน้าไม่ค่อยเก่ง ตอนนั้นเราโชคดีได้พิธีกรคู่ขาที่เก่ง เวลาเขาพูดเราก็แบบเออออเสริมๆ ไป (หัวเราะ) คิดว่าเป็นงานที่ท้าทายค่ะ แต่ถ้าสมมติเขาจะจ้าง เบลล์ต้องขอคิดก่อน เพราะกลัวไปทำงานเขาไม่ดี ถ้าเขาจ้างเราไปเราก็อยากทำงานให้ออกมาดีที่สุดค่ะ (ยิ้ม)
อ่านต่อเต็มๆได้ใน Kazz Magazine เล่ม 140
หรือดาวน์โหลด E-Book เล่มล่าสุด