หลังจากเดบิวต์ได้ไม่นาน สำหรับวง TPOP น้องใหม่มาแรงของค่าย ‘XOXO Entertainment’ อย่าง 7 หนุ่มวง ‘ATLAS’ ที่ต้องบอกเลยว่าทั้งหล่อ เก่ง และมากความสามรถมากๆ โดยสมาชิกในวงมีทั้งหมด 7 คน มิวอ้อน , เออร์วิน, แทด, ไนซ์, ภูมิ, เจ็ท และ จูเนียร์ แถมหนุ่มๆแต่ละคนก็มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันสุดๆ หนุ่มทั้ง 7 คนคือตัวแทนของพลังแห่งความมุ่งมั่น ที่จะพาทุกคนออกเดินทางเพื่อค้นพบประสบการณ์ใหม่ ๆ และสนุกไปกับแนวทางดนตรีของพวกเขาในซิงเกิลแรกที่เดบิวต์ของวง ‘Mayday Mayday’ ทาง KAZZ ฉบับนี้เลยไม่รอช้าดึงหนุ่มๆมาสัมภาษณ์ถามความรู้สึกหลังจากเดบิวต์ และล้วงลึกจัดหนักจัดเต็มกับหลายเรื่องของทั้ง 7 คนกันแบบจุกๆ เอาเป็นว่าระวังตกหลุมรักหนุ่มๆจนขึ้นไม่ไหวกันนะจ๊ะ
ความรู้สึกหลังจากงานเปิดตัวเดบิวต์ สุดยิ่งใหญ่กลาง Central World เป็นอย่างไรบ้าง
ไนซ์ : วันนั้นเราตื่นเต้นมากครับ เพราะเราไม่คิดว่าจะมีคนมาเยอะมากขนาดนี้ แล้วพอขึ้นไปรอเต้นก็ โอ้โฮ ใจสั่น อยู่ไม่นิ่งเลย คือมันตื่นเต้นมาก เพราะคนเยอะมาก และมันเกินคาดมากเลยครับ
แทด : หลังจากเดบิวต์พวกเราได้นั่งอ่านคอมเมนต์ มีคนมาดูเยอะ แล้วชมเราเยอะมาก แต่ก็มีคนแนะนำมาด้วยครับ ซึ่งก็รู้สึกถึงความกดดันครับ ความกดดันที่ทำให้เรารู้สึกว่าต้องทำออกมาให้ดีที่สุด อยากให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด
พูดถึงเพลง Mayday Mayday หน่อย (เป็นเพลงแนวไหน)
จูเนียร์ : Mayday Mayday เป็นเพลง hip hop electronic ครับ ก็จะมีความสนุก Groove ตามได้ อยากให้คนฟังโยกตามไปกับเราได้ แล้วสนุกตามไปกับเราได้ ส่วนเนื้อหาเพลงก็จะเป็นเหมือนบอกแฟนครับหรือบอกคนที่รอเราอยู่ว่าเรามาถึงแล้วนะ กำลังออกมาแล้วนะ บอกให้เขาระวังนะ แบบว่าเรากำลังมาแล้วนะ
เออร์วิน : มันเป็นเหมือนการ Represent พวกเรา ATLAS ว่าเรามาถึงแล้วนะ เรากำลังจะทำสิ่งนี้นะ มัน Make it happen นะ
จูเนียร์ : ซึ่งเพลงนี้พี่โปรดิวเซอร์ก็ทำออกมาได้เป็นพวกเราจริง ๆ ครับ เหมือนกับใส่สิ่งที่เป็นตัวเราจริง ๆ ลงไปในนั้น รับฟังความคิดที่เราเสนอไปตลอด
อะไรคือแรงผลักดัน หรือแรงบันดาลใจในการมาเป็นศิลปิน
ภูมิ : จริง ๆ ไม่ได้มีแรงผลักดันหรือแรงบันดาลใจจากสิ่งอื่นครับ แต่มันเกิดขึ้นจากตัวผมเองเลย ตั้งแต่ตอนผมเป็นเด็ก ผมชอบสิ่งนี้ ผมรู้สึกว่าเราเอาแต่ทำมัน และก็ครอบครัวผมก็สนับสนุนเต็มที่กับสิ่งนี้ครับ รู้สึกว่าตัวเราเองเป็นแรงผลักดันในการมาเป็นศิลปินครับ
เจ็ท : สำหรับเจ็ทแล้ว ส่วนตัวหน้าจะเป็นความชอบของเราเอง ด้วยแพสชันที่มีมาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนเราอาจจะไม่กล้าเปิดมันออกมา ไม่กล้าจะเปิดให้คนอื่นเห็นว่านี่คือสิ่งที่เราชอบด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง จนพอมันถึงจุดที่เราต้องถามตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เราชอบ แล้วเราก็ได้มาลองทำดู พอลองทำครั้งแรกก็รู้เลยตั้งแต่ครั้งแรกว่าอันนี้คือใช่
แทด : ของผมก็จะแอบคล้ายพี่เจ็ทนิดนึง คือ ตอนเด็ก ๆ ผมเป็นคนที่อยู่ในกรอบ ผมไม่รู้ว่าจริง ๆ เเล้วตัวเองชอบอะไร อารมณ์ประมาณว่าผมอยากพิสูจน์ตัวเองมากกว่า เราอยากรู้ว่าจริง ๆ แล้วเราชอบอะไร เรารักอะไรกันแน่ ซึ่งผมก็ได้มีโอกาสมาร้องกับเต้นครับ ทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ผมจะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าวันนั้นมันจะเป็นวันที่แย่สำหรับผม จะเป็นวันที่ผมสู้ต่อไปเรื่อย ๆ ครับผม
ไนซ์ : ของไนซ์มีหลายช่วงมาก ๆ ครับ คือเรารู้สึกว่า Inspiration ก่อนหน้านี้ ก่อนที่เราจะมาเจอกัน 7 คน คือตัวเองทั้งนั้น คือเราอยากทำแบบนี้ให้มันได้ คือเราอยากพิสูจน์ตัวเอง แต่พอมาเจอกัน 7 คน Inspiration คือพวกเราทั้ง 7 คน รวมถึงเราด้วย ซึ่งมันทำให้เรามีแรงผลักดันมาก ๆ มีแรงสู้จนถึงวันเดบิวต์ และหลังเดบิวต์ทุกอย่างมันกลายเป็นแรงผลักดัน เป็นแรงบันดาลใจให้มาตลอดเลย ซึ่งรุ่นพี่ 4EVE หรือทีมงานทุก ๆ คนต่างก็ทำงานหนักมาก เรารู้สึกว่านี่แหละคือ Inspiration เราสุด ๆ แล้ว
มิวอ้อน : สำหรับผม ผมเป็นคนที่ชอบฟังเพลง ผมก็ซึมซับกับเสียงเพลงมาตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นก็ได้ดูยูทูบแล้วเห็นศิลปินคนอื่นที่เขามีความสุขกับการ Performance เขานำเสนอ เขาแชร์ความรู้สึกของเขามาให้เราได้รับรู้ความรู้สึกที่เหมือนกัน และถ้าผมได้ทำสิ่งนี้ผมก็คงรู้สึกมีความสุขเหมือนกัน ก็เลยอยากทำครับ เพราะว่ามีศิลปินคนอื่นเป็นไอดอล เป็น role model
เออร์วิน : ของผมจะคล้ายพี่ภูมิครับ เราไม่ได้มีแรงบันดาลใจจากศิลปินดังขนาดนั้นในช่วงเด็ก เราทำเพราะความชอบของเราล้วน ๆ เลย ลองผิดลองถูกมาหลาย ๆ แบบ การแสดงบ้าง กีฬาบ้าง คือเราลองไปเรื่อย ๆ เราทำตามที่ใจสั่ง เรารู้สึกว่าเราชอบทำอันนี้ เราทำแล้วมีความสุข เราก็เลยทำต่อไป จนมาเจออีก 6 คน มันก็เลยกลายเป็นว่ามีแรงผลักดันหรือแรงบันดาลใจในการทำสิ่งนี้ต่อ คือเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ช่วยกัน keep ไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ไม่ท้อไม่ถอย
จูเนียร์ : ของผมก็จะคล้าย ๆ กับเออร์วินครับ สิ่งที่ทำให้ผมทำตรงนี้ต่อเป็นเพราะอีก 6 คนที่เหลือครับ เป็นเพราะเราไม่กล้าที่จะปล่อยเขา มันเป็นเหมือนครอบครัวอีกครอบครัวหนึ่งแล้ว เราไม่กล้าที่จะปล่อยเขาไป เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลาจนเหมือนเป็นครอบครัว มันเลยทำให้ผมมีเป้าหมายในการทำสิ่งนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อยากอยู่ด้วยกัน 7 คน อยากอยู่ด้วยกันไปเรื่อย ๆ ทำในสิ่งที่เรารัก ทำในสิ่งที่เรามีความสุข อยู่ในทุกช่วงโมเมนต์ไปด้วยกัน
อยากบอกหรืออยากถามอะไรกับตัวเองในอนาคตอีก 10 ปี ข้างหน้า
จูเนียร์ : อยากถามเขามากกว่าว่าตอนนี้เป็นอย่างไร อยากรู้ว่าที่เขาทำมาทั้งหมดมัน success ไหม ผ่านมาได้อย่างไร ตอนนี้ทุกอย่างมันดูยุ่งยาก เราไม่รู้ว่าเราจะรับมือกับปัญหาที่เข้ามาได้อย่างไร เราจะทนกับสิ่ง ๆ นี้ หรือความเหนื่อยที่เข้ามาทั้งกายและใจ เราจะอยู่กับมันได้มากขนาดไหน เขาคงเก่งมากที่ผ่านเรื่องราวทั้งหมดมาได้ ทั้งยังดึงตัวเองให้อยู่ในโลกปัจจุบันได้ ยังโอเคอยู่ใช่ไหม มันอาจเป็นเพราะเราเป็นพี่ใหญ่ในวง เรารู้สึกว่าเราแบกรับความคาดหวังเอาไว้โดยที่เราไม่รู้ตัว ทั้ง ๆ ที่วงก็อาจจะไม่ได้คาดหวังกับเราขนาดนั้น หน้าที่บางหน้าที่ก็ไม่ได้อยากให้เราทำขนาดนั้นแต่เราก็ยังทำ อยากจะรู้ว่าเขาก็ทำมันต่อไปใช่ไหม เขายังดูและน้อง ๆ ดีเหมือนเดิมใช่ไหม น้อง ๆ ยังรักกันดีใช่ไหม พวกเรายังอยู่ด้วยกันใช่ไหม ก็อยากถามแค่นั้นครับ
เออร์วิน : ผมคงถามว่าสบายดีไหม ยังโอเคอยู่หรือเปล่า เพราะว่าเออร์วินในอีก 10 ปีข้างหน้า ก็คงจะยังซ่าอยู่เหมือนเดิม ผมว่านะผมก็คงคล้ายพี่จูเนียร์ครับ อยากถามว่าผ่านมาได้อย่างไร เพราะผมก็คิดว่ามันน่าจะหนักพอสมควรกับเส้นทางที่เราเดินในตอนนี้ แล้วบวกกับเราไม่ค่อยทำอะไรสำเร็จในชีวิต ทำอะไรก็ไม่ค่อยสำเร็จ ล้มเหลวก่อน ล้มเลิกก่อนตลอด อยากถามเขาว่าสิ่งที่เราทำตอนนี้อีก 10 ปียังทำอยู่ไหม แล้วมันเป็นอย่างไรบ้าง มันดีขึ้นหรือหายเหนื่อยหรือยังประมาณนี้ อาจจะเล่นมุกสักมุกหนึ่งกับเขาก่อน เผื่อมุกในอีก 10 ปีมันจะล้ำกว่ามุกเราในตอนนี้
มิวอ้อน : ผมในอีก 10 ปี หรือพวกเราในอีก 10 ปี เราจะไปถึงจุดที่เราปักธงไว้หรือเปล่า ก็อยากบอกว่าถ้าสมมติไปถึงจุดที่เราฝันไว้แล้ว อย่าลืมทุกคนที่ส่งเราไปถึงตอนนั้น อย่าลืมทุกคนที่คอยช่วยเรามาตลอด คอยให้โอกาสเรา คอยดึงเราขึ้นมาเวลาที่เราล้ม หรือว่าเห็นอะไรในตัวเรา และสร้างทางให้เราไปต่อ บางสิ่งบางอย่างเราทำด้วยตัวเอง แต่ว่าก็มีหลายคนที่ช่วยให้เราไปถึงจุดนั้นได้ ก็อย่าลืมคนเหล่านี้เด็ดขาดครับ
ไนซ์ : ตัวไนซ์เองมองเห็นตัวเองในอีก 10 ปีข้างหน้าค่อนข้างชัดเจน อยากถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง ยังทำสิ่งนี้อยู่ไหม แล้วทำเก่งขึ้นมาก ๆ ด้วยไหม เราอยากจะบอกเขาว่าเราจะไม่ยอมแพ้ เราจะไม่ยอมหยุดทำตรงนี้เด็ดขาด ไม่ว่าจะเกินอะไรขึ้นเราจะไปต่อ เราจะอดทนกับสิ่ง ๆ นี้ แล้วเราก็จะขยันที่จะทำมัน แล้วก็อยากขอบคุณเขาด้วยครับ ตอนนี้เหมือนบทเรียนครั้งใหญ่ที่เราเริ่มเรียนจากบทที่หนึ่งไปจนถึง 10 ปีคงจะ success แล้ว เรากำลังจะเรียนบทเรียนนั้นอยู่ อยากขอบคุณมาก ๆ ที่ให้บทเรียนนี้มา ขอบคุณครับ
แทด : แทดอยากบอกแล้วก็อยากถามตัวเองในอีก 10 ปี ว่ามีความสุขอยู่หรือเปล่า แล้วทำตรงนี้มีความสุขอยู่ไหม หวังว่าเขาจะตอบว่ามีความสุข ถ้าเขาบอกว่าเขามีความสุข ก็อยากจะบอกว่าดีแล้ว แล้วก็อย่าลืมวันแรกที่เรามาถึงจุดนี้ได้เพราะอะไร แล้วก็อยากบอกว่าเรามาถูกทางแล้วนะ แล้วก็ไปให้สุดครับ
เจ็ท : ผมอยากจะพูดว่ายินดีด้วยนะ เก่งมาก ๆ คือส่วนตัวผมเป็นคนที่มองเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีหรือแย่ ผมไม่เคยมองว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย เรื่องที่ดีผมเก็บเอาไว้ ส่วนเรื่องที่แย่ผมมองว่ามันเป็นเหมือนภูมิต้านทานของผมในตอนนี้ ผมเชื่อว่าในอีก 10 ปี ต่อให้เส้นทางนี้มันอาจจะประสบความสำเร็จหรือไม่ประสบความสำเร็จ ผมก็ยังคงยินดีกับตัวเอง จะยังชมตัวเองอยู่ดี เพราะผมเชื่อมั่นในทุกการกระทำของผมครับ
ภูมิ : สำหรับภูมิอีก 10 ปีข้างหน้า เอาจริง ๆ อยากขอบคุณตัวเองมากกว่า ขอบคุณมากที่ยังทำตามความฝันของตัวเองที่รักอยู่ ผมมั่นใจว่าผมผ่านมันไปได้อยู่แล้ว เพราะผมรู้ว่าผมเป็นคนที่มีความสุข ผมเชื่อว่าเขาในอีก 10 ปีก็ยังคงจะมีความสุขอยู่ ฝากบอกว่าถ้าอายุมากขึ้นแล้วมีเวลานอน ก็นอนเยอะ ๆ นะ ทาครีมเยอะ ๆ ด้วย สุดท้ายก็อยากฝากกอดเพื่อน ๆ อีก 6 คนด้วยนะครับ หวังว่าตอนนั้นยังกอดกันอยู่แน่นอน