พะแพง ธนัยนันท์ล่าสุดงานวิวาห์ที่ผ่านไป ตอนนี้ลุยคอนเสิร์ต AF4 Flashback จัดขึ้นเร็วๆนี้

กว่าจะมารวมตัวกัน AF4 Flashback Concert
ยากนะ 2-3 ปีค่ะ เวลาไม่ลงตัว น่าจะใช้คำว่าลงตัวที่ดีที่สุดเลยมารวมตัวกัน

รู้สึกอย่างไรบ้างกับการมารวมตัวกันอีกครั้ง คิดถึงไหม
คิดถึงเพื่อนมากกว่า บางทีคอนเสิร์ตยังไม่คิดถึงเลย มันคิดถึงเพื่อนมากกว่า จะได้มาทำเพลงด้วยกัน แต่แพงก็จะวุ่นๆบ้าง บังเอิญมันมีงานแบบหลายๆอย่างเข้ามาในเวลาเดียวกัน แต่คิดถึงเพื่อนค่ะ อยากเม้าท์มอยมากกว่า

พอได้กลับมาทำคอนเสิร์ต AF 4 ด้วยกัน ได้เจอเพื่อนรู้สึกอย่างไรบ้าง
จริงๆมันก็เห็นการเปลี่ยนแปลง ตอนที่อยู่ในบ้านมันก็เป็นอีกแบบหนึ่ง พอเราโตขึ้น ผ่านอะไรมามากขึ้น พอเรากลับมาคุยกันอีกที มันเห็นมุมมองที่เปลี่ยนไป มุมมองของแต่ละคนที่รู้สึกว่ามี attitude ที่ดีขึ้น และบางคนเขาก็เข้าใจคนมากขึ้น อย่างเช่นเราเองเป็นต้น เราเคยเป็นเด็กกะโปโล เคยคิดลบ ตอนนี้เราบวกมากขึ้น เรามองคนอื่นมากขึ้น

12 ปีผ่านไป วงการเพลงเปลี่ยนไปขนาดไหน
วงการเพลงมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆค่ะ ทุกยุคทุกสมัยมันก็เปลี่ยนไปเรื่อย มันเหมือนเสื้อผ้า มันเป็นเทรนค่ะ แพงว่าวงการเพลงมันค่อนข้างที่จะไม่มีอะไรซับซ้อน มันเป็นเรื่องของการเสพเพลง การฟังเพลง แล้วก็รสนิยมในการที่จะฟังเพลงมากกว่า บางคนก็ยังฟังแนวเดิมๆอยู่ บางคนก็เปลี่ยน ไปเปลี่ยนมา อันนี้มันก็แล้วแต่บางคน แพงก็เลยมองว่าวงการเพลง ณ ปัจจุบัน การที่เปลี่ยนไปคือการเสพมากกว่า วิธีเสพ แต่ก่อนต้องซื้อเทปมานั่งแกะเพลงเล่นดนตรี จับคอร์ด ตอนนี้ก็จะพิมพ์ใน Youtube How to นั่นนี่อะไรอย่างนี้ มันง่ายไปหมด วิธีมันเปลี่ยนไปมากกว่า มันจับต้องได้ ไขว่คว้าได้มากขึ้น สมัยก่อนมันก็จะยาก สมัยก่อนยุคที่เป็นเทป เราต้องมานั่งแกะ มันไม่มีเขียนเนื้อเพลง ซึ่งก็ไม่มีเงินซื้อเทปอะไรขนาดนี้ ต้องมานั่งแกะ สมัยนี้คือทุกที่ มันง่ายไปหมด อยากรู้เนื้อเพลง อยากรู้ว่าเล่นอย่างไร อะไรอย่างไร มันค่อนข้างที่จะรวดเร็วทันใจ มันก็เป็นแค่เรื่องนี้ที่ต่างออกไป ซึ่งมันมีทั้งผลดีและผลเสีย

แล้วชอบแบบไหนมากกว่ากัน คิดว่าแบบไหนมีเสน่ห์มากกว่ากัน
จริงๆเรื่องเสน่ห์ แพงว่ามันมีเสน่ห์ของมันอยู่แล้ว ในทุกยุคเรื่องดนตรี อยู่ที่คนเลือกจะมอง อย่างแพง สมัยตอนเราเด็ก เติบโตมามันทันเทป ทันซีดี มันก็ต้องเป็นเสน่ห์ในเรื่องของการเปิดแกะเทป อ่านปก ดูว่าใครแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ ใครเป็นคนทำอาร์ตเวิร์ก หรืออะไรก็ตาม เสน่ห์มันอยู่ในนั้น มันทำให้เรารู้สึกว่า การที่เราจะรู้อะไรสักอย่าง มันต้องใช้ใจเข้าไปแลกเยอะมากสมัยนี้มันแค่เร็วมากขึ้น มันแล้วแต่คน แพงเกิดในยุคนั้นพอดีแต่ตอนนี้ก็ไม่ได้บอกว่าปิดยุคนี้เรารู้สึกว่ามันเป็นการเรียนรู้เล็กๆ

เพิ่งแต่งงานมา มีแพลนที่จะไปฮันนีมูน หรือ วางแพลนจะทำงานต่อ
โอโห้ คอนเสิร์ตเนี่ย (หัวเราะ) ไม่มีวางแผน พอแต่งงาน ก็คอนเสิร์ตนี้เลย สู้ค่ะ มันลำบากใจนิดหนึ่ง ต้องทำให้ได้ ยังไม่ได้คิดเรื่องฮันนีมูนเลยค่ะ คิดว่าให้มันจบไปทีละเรื่อง

การใช้ชีวิตคู่ต้องปรับตัวเยอะไหม
ไม่ค่ะ จริงๆแล้วมันปรับมาแล้ว การที่เราจะปักหลักฐานกับคนๆหนึ่ง มันผ่านกระบวนการกรอง ฉะนั้นเราต้องรู้ในเรื่องของแบบความเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ว่าการอยู่ด้วยกันมันก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ตรงนี้ก็จะถือเป็นวิธีเรียนรู้ ซึ่งก็เป็นบทต่อไป แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือว่าจะต้องปรับอะไรขนาดนั้น เหมือนเรากำลังทำความเข้าใจของคนอีกฝั่งหนึ่ง และเขาก็ทำความเข้าใจเราอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้ไม่รู้จะให้คำตอบอย่างไร มันก็เหมือนแบบกำลังอ่านหนังสืออยู่

คบกันมา 10 ปี อะไรที่ทำให้เรารักกันนานขนาดนี้
พูดไปมันก็จะดูเชยๆนะ มันก็คือความดีค่ะ ความดีในมุมมองเรา ในมุมมองเขาเหมือนกัน คนเรามันมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน เรายึดในจุดที่เรา attitude คล้ายๆกันคือเรามองส่วนดี เราก็ไม่ได้ดี 100% เขาก็ไม่ได้ดี100% แต่ว่าเราอยู่ร่วมกัน เราจะจัดการระเบียบพวกนี้อย่างไร บังเอิญเราดันเห็นคล้ายๆกันโดยบังเอิญ เราเลยรู้สึกว่ามันทำให้เราเห็นวิธีบวกมากขึ้น ลบก็เห็นนะ แต่เราเพียงแค่เลือกที่จะใช้มันอย่างไร มันเป็นฟังก์ชั่นอย่างหนึ่ง

มีแพลนที่จะมีน้องเลยไหม
ยังๆค่ะ ยังเลย ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยว่าจะต้องมีลูก ไม่ได้อยู่ในความคิดตอนนี้เลย ก็เลยแบบไม่ได้คิดอะไร คือทำแค่ว่าวันนี้มีความสุขไหม อยากทำอะไร คือตอนนี้เราอยากเล่นดนตรี เราอยากทำเพลง เราอยากเล่นคอนเสิร์ตอะไรอย่างนี้ค่ะ แพงก็เลยรู้สึก ก็เป็นสิ่งแรกที่เราคิดหลังจากแต่งงาน เราจะทำเพลงต่อเมื่อไหร่ ไม่ได้คิดเรื่องลูก เรื่องฮันนีมูนเลยค่ะ

ผ่านมา 12 ปี วงการบันเทิงให้อะไรกับเราบ้าง
โหย เยอะมาก เอาจริงๆ เราไม่รู้ว่าคนอื่นเขาคิดอย่างไร แต่สำหรับแพงคือ ทุกอย่างที่เข้ามามันทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น คือบางคนก็มีวิธีต่างไปนะ ไม่ได้บอกว่าสิ่งที่เราคิดมันถูกต้องเสมอไป คือเรารู้สึกว่า เราเคยทำทุกอย่างมาแล้ว เรารู้เลยว่าอะไรที่ไม่ใช่ เราเลือกที่จะไม่ทำเลย เรารู้สึกว่าเราไม่ถนัด แต่คนอื่นจะเลือกทำเราไม่ซีเรียส เราแค่รู้สึกว่านี่คือวิธีเรา คือสิ่งที่มันตอบโจทย์ชีวิตเราคือความสุข มันไม่ใช่เงินด้วยซ้ำ แม้แต่ว่าเงิน สำคัญกว่าเรามาก สิ่งที่สำคัญกับเราได้ยืนยาวที่สุดก็คือความสุขของตัวเรา เราอยากทำอะไร เราทำแบบนี้เราโอเคไหม อะไรที่ทำให้เราทุกข์เราพยายามปรับ เรารู้ว่าอะไรที่เป็นทุกข์สำหรับเรา เราก็แค่เดินห่างมัน แต่ไม่ได้บอกว่าคุณต้องไปจากชีวิตเรา คือไม่ใช่ เรารู้ว่ามันเป็นอย่างนั้น เราแค่เดินออกมาห่างๆ ตรงนี้เราไม่ได้ทุกข์แล้ว ตรงนี้เรามีความสุขดี เราเลือกได้ ในชีวิตของเราเดินทางความสุขแบบของเรา บางคนอยากมีเงินเป็นร้อยล้าน พันล้าน บางคนอยากมีแฟน มันแล้วแต่ ซึ่งความสุขตรงนี้มันอยู่ที่คน ความสุขของแพงคือแบบนี้ การที่รู้จักตัวเอง การที่อยากจะทำอะไรเราก็ทำโดยที่ไม่ได้เดือดร้อนคนอื่นซึ่งโดยพื้นฐานตรงนี้ เรื่องของความดี การที่มีศีลธรรมอยู่แล้ว แพงรู้สึกว่าสำคัญที่สุด การที่อยู่วงการบันเทิงทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น แล้วก็รู้ว่าอะไรมันคือความสุขของเรา

 

ไลฟ์สไตล์ ของพะแพง
จริงๆ ไลฟ์สไตล์ มันก็ปะปนกันไป ชอบฟังเพลง เล่นดนตรี เล่นกีฬา จะมี Skateboard อยู่กับเพื่อนๆ ชอบแต่งบ้าน ชอบทำสวน ชอบอะไรที่เป็นของสวยงาม เรื่องพวก Interior ก็จะชอบ นี่คือ ไลฟ์สไตล์แพงที่แบบคือกิจวัตรประจำวันแพงจะมีอะไรที่แพงทำแล้วมีความสุขเรื่อยๆ คือเราไม่ได้สนใจว่าทำแบบนี้ไม่เท่ห์เลย ทำแบบนี้เสี่ยว Oh No !  ชีวิตฉัน เราอยากทำ เราอยากแต่งบ้าน เราอยากจะไปดูจัดสวน อยากซื้อโต๊ะ ทำนั่นทำนี่แบบผู้หญิงก็ทำ มันคือความสุขของแพง รู้สึกว่าคือ ไลฟ์สไตล์ของเราทำแล้วมีความสุข แล้วก็เหมือนคนอื่นเขารับสิ่งนั้นได้ เราทำแล้วเรามีความสุข

แฟชั่น ของพะแพง
จริงๆคงติดด้วยเด็กเนี่ย เราฟังเพลงยุค 90 ตอนปลาย มันติดความเป็น แฟชั่นสตรีต ในเรื่องของแบบที่เราชอบอยู่แล้วเป็นทุนเดิมที่เราเกิดในยุคนั้น มันก็จะอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็ตลกมากแบบเราก็ยังอินแบบนั้นอยู่ ก็ยังชอบอย่างนั้นอยู่ แฟชั่นจริงๆมันก็อยู่ที่อารมณ์ ณ จุดนั้น บางทีเราอยากแต่งแบบนี้ ก็แต่งแค่นั้นเอง แต่วันมันไม่ได้เปลี่ยนตัวเองค่ะ แพงรู้สึกว่าการแค่สวมเสื้อผ้าใส่มันก็คือ ไลฟ์สไตล์เหมือนกัน เหมือนการ มิกซ์แอนด์แมตช์ มันก็คือ ไลฟ์สไตล์ เราอย่างนี้ค่ะ แพงก็ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่เรื่องแฟชั่น ไม่เคยดูเรื่องแฟชั่นเลยด้วยซ้ำ แต่จำได้ว่าสิ่งที่เราชอบมันมาจากการฟังเพลงยุคสมัยเราเด็กๆ ยุค 90 ปลาย เราก็จะจำมา มี สเกตบอร์ด มีแบรนด์นั้น ตอนเด็กๆ บางคนก็ทันบางคนก็ไม่ทัน บางคนก็จะมีมุมที่แบบก่อนเรามันก็จะเป็นยุค เป็นเรื่องของ Generation

 

คอนเสิร์ต ที่จะมาถึงแล้วเร็วๆนี้
วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม 2561
หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)
กรุงเทพมหานคร

เวลา 18.00 น.