“แพตไม่เคยมองว่าเดินมาได้ไกลแค่ไหน แพตรู้สึกว่าการเดินทางบนเส้นทางนี้ แพตไม่สามารถหยุดศึกษาได้ เราต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เราจึงไม่ได้มองถึงระยะทางเลยว่าไกลแค่ไหนแล้วจากวันแรก แพตรู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเรามากกว่า รู้สึกว่าอาจจะเป็นบุญด้วยมั้งที่เราได้มีโอกาสมาทำอะไรใหม่ๆ และสนุกๆ อย่างทุกวันนี้”
พูดถึงละคร “รักนี้หัวใจเราจอง”
เรื่องนี้ก็น่าจะใกล้เคียงกับจริตของแพตแล้ว โวยวาย (หัวเราะ) เขาติดต่อมาว่า “โวยวายเก่งไหม? ” แพตก็ “โห้ย ที่สุด” ตอนเปิดเรื่องมันยาก ตรงที่ไม่ใช่เราเลย มันต้องเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่มันใหญ่มาก ซึ่งแพตรู้สึกว่าเราไม่เคยวางตัวอะไรแบบนี้อยู่แล้ว มันเลยค่อนข้างยากสำหรับเรา ก็ต้องไปเรียนแอคติ้งในคลาสนี้เพิ่ม (ปรับเยอะไหม?) มันก็ไม่ได้ปรับเยอะมากจนเสียงสูงขนาดนั้น แพตแค่ใช้เสียงในการเปิดเรื่องเฉยๆ มันเลยมีการปรับตรงนี้ แต่มันก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เราหยุดสิ่งนั้น แล้วมาเป็นอีกมุม อีกคาแรกเตอร์หนึ่งค่ะ
เรื่องนี้ถือเป็นอีกเรื่องที่มีซีนหนักๆ ไหม
สำหรับแพตเรื่องนี้ คือมีบู๊หนักมาก แพตไม่เคยมีแอ็กชันหนักขนาดนี้ ในตอนแรกที่เขาติดต่อมา คือคอมเมดี้ โรแมนติก พี่โทนี่เขาก็โทรมา “เขาติดต่อแกมายัง” แพตเลย “ติดต่อมาแล้วพี่” โทนี่ “อ่านบทยัง?” แพต “ยังๆ” โทนนี่ “ไม่ต้องอ่าน พี่อ่านให้แล้ว” พี่เขาก็บอก “โรแมนติก คอมเมดี้สบายๆ เชื่อพี่ สบายๆ แน่นอน” มาถึงคิวสอง แพตกระโดดจากเรือยอร์ชเลยจ้า แพตเลย “พี่โทไหนบอกหนูว่าสบาย” นี่คือแพตกับพี่โทยังไม่หยุดวิ่งหนีระเบิดเลยนะ ตอนนี้คือเหนื่อยมากเลย แต่มันก็ตลกมาก โอเค คุ้ม
กลับมาร่วมงานกับโทนี่ รากแก่น เป็นอย่างไรบ้าง
เบื่อหน้ามากค่ะ (หัวเราะ) ล้อเล่นๆ จริงๆ เคยร่วมงานกันในบทที่มันเครียดๆ มาก่อน เวลาแพตเล่นจะชอบได้เล่นบทเครียดๆ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้เล่นคอมเมดี้จริงๆ พอมันเป็นเรื่องแบบนี้มันก็สนุกมาก เบื้องหลังมันตลกกว่าในเรื่องอีกนะ แพตเลยเล่นกับพี่โทนี่ได้ง่ายขึ้นค่ะ
-มุมมองการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป
แพตว่าแพตเหมือนเดิมนะ ก็ยังคงเป็นคนขี้บ่นอยู่เหมือนเดิม (เห็นมีฉายาสาวติสท์พลิกบทบาทตัวแม่) อีกแล้วหรอ แพตติสท์มากี่ปีแล้วเนี่ย (หัวเราะ) ยังคงติสท์อยู่อีกหรอ ปีที่แล้วก็ตอบยาก ปีนี้ติสท์พลิกบทบาทตัวแม่ยากกว่าเดิมอีก คิดว่าเลิกเรียกเราว่าติสท์ได้แล้ว (หัวเราะ) คือ จริงๆ แล้วคำว่า “ติสท์” มันอาจจะแปลว่า คาแรกเตอร์แพตที่เป็นมาตั้งแต่มหาลัยแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าแพตเรียนศิลปะ แล้วมันเลยย่อมาจากคำว่า Artist (อาร์ทติสท์) กลุ่มเพื่อนที่เรียนศิลปะที่มหาลัยก็มีแต่คนทำตัวแปลกๆ แต่พอมาทำงานในที่ที่ไม่ใช่ของเรา เหมือนทุกคนเป็นสีส้ม แล้วเราเป็นสีม่วงอยู่คนเดียวในนั้น แพตก็ออกมาอยู่ในกลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มของแพต คนเลยมองไปว่าแปลกๆ ไปหรือเปล่า คิดว่างั้นนะคะ
กำลังใจดีๆ ที่ทำให้มีวันนี้ได้
กำลังใจก็คือครอบครัว แพตรู้สึกว่าแพตเป็นคนโชคดีที่มีครอบครัวที่ดี และมีเพื่อนที่ดี เราไม่เคยเจอคนร้ายๆ มีแต่เรานี่แหละที่เป็นคนร้ายๆ กับเขา (หัวเราะ) แพตชอบไปเที่ยวกับครอบครัว เพราะเราเป็นคนออกตังค์ เราก็ต้องไปกับเขา (หัวเราะ) แต่ส่วนใหญ่ก็ไปเที่ยวกับครอบครัว ก็มีไปกับเพื่อนบ้าง เพื่อนมัธยมมากกว่า เราเป็นคนติดบ้าน ติดม๊า ทุกวันนี้จะโทรหาป๊ากับม๊าทุกวัน (อยู่บ้านด้วยกันก็ยังโทรหา) ช่วงนี้แพตไม่ค่อยได้เจอ ทำงานเจ็ดวัน ป๊ากับม๊าหลับ ออกจากบ้านก็ยังไม่ตื่น ล่าสุดกลับบ้านหมาเห่า แพตงงมากว่าเห่าอะไร เรื่องนี้คือยังไม่ได้เล่าให้ใครฟัง กลับบ้านหมาเห่า แล้วเห่าแปลกๆ “เป็นไรอ่ะ” งงมากเลยกลับบ้านหมาเห่าแล้ว คือต้องพิจารณาแล้ว เหมือนหลังๆ มาแพตไปถ่ายงานที่ต่างจังหวัดเยอะ
ทุกวันนี้ยังมีการปรึกษาครอบครัวในทุกๆ เรื่องอยู่ไหม
แพตจะตัดสินใจเอง ป๊ากับม๊าเขาจะเปิดให้เราตัดสินเองมาเสมออยู่แล้ว แต่ถ้าอะไรที่แพตคิดเยอะหน่อย เราก็จะถามเขามาคิดยังไง
ถ่ายงานนอกสถานที่ตลอด มีวิธีดูแลตัวเองยังไง
ตอนนี้ก็ไตขาวไปแล้วค่ะ เพราะครีมอันไหนเราก็ทา สเปรย์อันไหนก็ฉีด ยาตัวไหนก็กิน กินทุก 4 ชั่วโมง ต้องกินแบบนั้นเลย แพตไปอ่านมาว่าต้องกินแล้วจะดี มีการไปชวนคนอื่นกินด้วยนะ
ภาพ : FilmKhu