จากกรณีการเสียชีวิตของนักแสดง “น้ำตาล” บุตรศรัณย์ ทองชิว หรือ “น้ำตาล เดอะสตาร์” ที่เกิดอาการป่วยกะทันหัน โดยมีอาการเลือดออกปาก-จมูก จนหมดสติและหัวใจหยุดเต้น โดยครอบครัวได้นำตัวน้ำตาลส่งโรงพยาบาล แต่ในเวลาต่อมาน้ำตาลได้จากไปอย่างสงบ ในเวลา 02.17 น. ในวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้นแพทย์ยังไม่สามารถระบุได้ว่าน้ำตาลเสียชีวิตจากสาเหตุใด ทั้งนี้ทาง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้นำชิ้นเนื้อหลังโพรงจมูกของ “น้ำตาล” ไปตรวจวินิจฉัย เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของน้ำตาล
โดยในวันนี้ (26 มิถุนายน) เวลา 10.00 น. คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้รายงานผลการตรวจวินิจฉัยชิ้นเนื้อหลังโพรงจมูก ของ “น้ำตาล” บุตรศรัณย์ ทองซิว นำโดย ศ.ดร.นพ ประสิทธิ์วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และ รศ.นพ.ปรัญญา สากิยลักษณ์ สาขาวิชาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก ภาควิชาศัลยศาสตร์ ณ ห้องประชุมอกิตยาทรกิติคุณ ตึกสยามินทร์ ชั้น 7 รพ.ศิริราช
สืบเนื่องจากกรณีการเสียชีวิตของ น.ส. บุตรศรัณย์ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2562 นั้น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ขออนุญาตส่องกล้องเข้าไปดูบริเวณหลังโพรงจมูกและพบบริเวณเยื่อบุหลังโพรงจมูกมีสีผิดปกติไป จากปกติขนาดประมาณ 0.5 – 1 ซม. จึงตัดชิ้นเนื้อบริเวณดังกล่าวเพื่อนำมาตรวจวินิจฉัยทางพยาธิวิทยาหาสาเหตุการเสียชีวิต
ระหว่างตัดชิ้นเนื้อพบมีเลือดไหลออกมา หลังจากย้อมชิ้นเนื้อ พบว่าเข้าได้กับวัณโรคแต่ไม่พบเชื้อ คณะฯ จึงได้ทำการตรวจอีกวิธีหนึ่งที่เรียกว่า PCR (Polymerase Chain Reaction) คือการตรวจหา DNA ของเชื้อวัณโรคได้ผลเป็นบวก (positive) ผลการตรวจ PCR ดังกล่าวและผลการตรวจชิ้นเนื้อจึงบ่งชี้ว่า มีเชื้อวัณโรคหลังโพรงจมูก ซึ่งในกรณีนี้มีโอกาสติดต่อกันได้น้อยจากสถิติของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2560 พบคนไทยเป็นวัณโรคประมาณ 80,000 คนจากประชากร 69 ล้านคน โดยร้อยละ 83 จะตรวจพบที่ปอดร้อยละ 17 ตรวจพบนอกปอด
สำหรับวัณโรคหลังโพรงจมูกพบได้น้อยกว่าร้อยละ 1 ของวัณโรคที่พบนอกปอด อีกทั้งวัณโรคสามารถเป็นได้ตามอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย สำหรับวัณโรคหลังโพรงจมูกรายงานทางการแพทย์ทั่วโลกพบว่าผู้ป่วย 1 ใน 3 อาจไม่มีอาการใด ๆ และประมาณร้อยละ 70 มีต่อมน้ำเหลืองที่คอโตหรือมีก้อนบริเวณหลังโพรงจมูก การวินิจฉัยวัณโรคหลังโพรงจมูกจึงมักได้จากการตรวจชิ้นเนื้อที่ก้อนหรือต่อมน้ำเหลือง
ข้อแนะนำสำหรับประชาชนจากกรณีของน.ส.บุตรศรัณย์ทองชิว คือ
- อุบัติการณ์ของวัณโรคในประเทศไทยยังไม่ลดลง สามารถเกิดได้กับทุกคนทุกเพศทุกวัย และสามารถเกิดขึ้นได้ในหลากหลายอวัยวะ
- ควรตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี หากพบสิ่งผิดปกติใดๆ จำต้องสืบค้นจนพบสาเหตุของความผิดปกตินั้น
- แม้การตรวจร่างกายจะปกติแต่หากมีอาการผิดปกติระยะเวลาหนึ่ง เช่นน้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหาร มีไข้ต่ำๆ คลำได้ก้อนผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ
ขอบคุณภาพจาก IG : numtarny ข้อมูลจาก www.si.mahidol.ac.th